สร้างรายได้บน Amazon และขยายขนาดธุรกิจของคุณ

ลองใช้เคล็ดลับ กลยุทธ์ และเครื่องมือต่างๆ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจของคุณ

ไม่ว่าคุณจะอยากขายสินค้าเพียงไม่กี่รายการเป็นงานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ หรือกำลังคิดจะเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์สำหรับธุรกิจที่มีอยู่แล้ว การสร้างรายได้จากการขายของออนไลน์ในอีคอมเมิร์ซนั้นมีหลากหลายวิธี Amazon สามารถช่วยคุณได้ในฐานะที่เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับการค้นหาสินค้าพร้อมsolutionการโฆษณาที่สามารถเข้าถึงผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาถึง 96% Amazon สามารถช่วยให้คุณ

* เปิดตัวสินค้าใหม่ยอดนิยมสำหรับสินค้าภายในบ้าน สุขภาพและการดูแลสุขภาพ หรือnicheอื่นๆ
* เชี่ยวชาญในการขาย B2B หรือกลยุทธ์การขายอื่นๆ
* จัดหาสินค้าจากผู้ค้าส่งหรือใช้วิธีการจัดซื้ออื่นๆ
* ค้นหากลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศสำหรับงานฝีมือหรือสินค้าสำเร็จรูป
* สร้ายรายได้ด้วยหนังสือที่จัดพิมพ์เอง การสตรีมวิดีโอเกมแบบสด และอื่นๆ


ในโพสต์นี้ เราจะมาดูตัวเลือกต่างๆ ที่คุณใช้สร้างรายได้บน Amazon ได้ ตั้งแต่รายได้ที่เป็นผลตอบแทนต่อเนื่องด้วยการแนะนำสินค้า Amazon ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ในธุรกิจออนไลน์ของคุณเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก

7 วิธีสร้างรายได้บน Amazon

1. เลือกประเภทสินค้าหรือความเชี่ยวชาญที่ niche

ขายออนไลน์ ขายอะไรดี? คุณจะขายอะไรเพื่อสร้างรายได้บน Amazon การคิดถึงสิ่งที่คุณสนใจและงานอดิเรกอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ช่วยให้คุณนำจุดแข็งของตนเองมาใช้และรับประโยชน์เต็มที่จากข้อมูลวงในที่คุณอาจมีอยู่แล้วในอุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ แรงบันดาลใจอาจเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว

เมื่อการออกไปเที่ยวกับเพื่อนจุดประกายไอเดียธุรกิจใหม่ที่กำลังเติบโต
Bassel และ Saadia เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัย ทั้งสองฝันถึงธุรกิจของตนขณะออกไปกินมื้อเย็นด้วยกัน Solemates ได้รับการออกแบบมาให้เป็นรองเท้าที่พกพาได้สำหรับคนใส่รองเท้าส้นสูง (เวลาที่อยากจะพักเท้าสักหน่อย) Bassel เล่าว่าทันทีที่เริ่มใช้ Prime ทุกอย่างก็ "ก้าวล้ำไปอีกระดับ"

คุณอาจจะลองขายออนไลน์รายการเดียวหรือจัดหาสินค้าหลากหลายจากหมวดหมู่สินค้าที่แตกต่างกัน ลองดูคู่มือค้นหาไอเดียสำหรับสินค้านี้และรับแรงบันดาลใจจากรายชื่อธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ
เมื่อสำรวจดูแล้ว คุณอาจรู้สึกสนใจหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งเป็นพิเศษ เช่น เสื้อผ้าหรือของเล่น ให้คุณจับตาดูการซื้อสินค้าและให้การวิเคราะห์ยอดขายนำทางคุณในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการขยายแค็ตตาล็อกหรือลดจำนวนลงให้เหลือสินค้าเพียงไม่กี่รายการ อาจจะเฉพาะรายการที่ขายดีเท่านั้น

2. ขายสินค้างานฝีมือ

หากคุณเชี่ยวชาญในการเย็บปัก ทำงานไม้ หรือมีทักษะอื่นๆ ลองเปลี่ยนความเชี่ยวชาญนั้นเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดย Amazon Handmade เป็นชุมชนออนไลน์สำหรับช่างฝีมือที่ขายสินค้าที่ไม่เหมือนใครให้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก โปรแกรมนี้มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์การยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับบัญชีแผนการขายแบบมืออาชีพ รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ สำหรับช่างฝีมือและนักสร้างสรรค์ที่อยากจะแบ่งปันผลงานของตนและขายออนไลน์ไปให้กับคนทั่วโลก

3. สร้างแบรนด์ของคุณ

การสร้างแบรนด์ในธุรกิจต้องอาศัยความพยายามและการลงทุนลงแรง แต่ก็เป็นกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับลูกค้าประจำของแบรนด์มาเป็นการตอบแทน นอกจากนี้ Amazon ยังนำเสนอเครื่องมือและสิทธิประโยชน์มากมายให้กับเจ้าของแบรนด์ หากคุณพร้อมจะเริ่มต้นขายของออนไลน์ หรือหากคุณมีแบรนด์อยู่แล้ว ให้ลงทะเบียนใน Brand Registry เพื่อปลดล็อกการปกป้องแบรนด์ของคุณโดยอัตโนมัติ รวมถึงแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการจัดการแบรนด์

4. สร้างสรรค์และจัดจำหน่ายสินค้าที่ระลึก

บางทีคุณอาจมีไอเดียดีๆ สำหรับเสื้อยืดหรือแก้วกาแฟเก๋ๆ คุณสามารถทำไอเดียเหล่านั้นให้เป็นจริงด้วย Merch on Demand ของ Amazon โปรแกรมนี้ช่วยให้คุณออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบบกำหนดเองได้โดยใช้การพิมพ์ตามสั่ง พิมพ์สินค้าหลังจากการขายแต่ละครั้ง (เพื่อที่คุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องสต็อกที่ยังไม่ได้ขาย) แล้วจัดส่งผ่าน Prime เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าอย่างรวดเร็ว

5. ขายแบบ B2B

หากคุณต้องการขายให้กับธุรกิจอื่น ธุรกิจบน Amazon ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้า B2B ได้ทุกขนาด โปรแกรมนี้มาพร้อมกับแดชบอร์ดที่ใช้ภาพแสดงข้อมูล ราคาสำหรับลูกค้าธุรกิจ ส่วนลดตามจำนวนสินค้า และอื่นๆ

6. รับรายได้ที่เป็นผลตอบแทนต่อเนื่องด้วยการแนะนำสินค้า

หากคุณต้องการขายให้กับธุรกิจอื่น ธุรกิจบน Amazon ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้า B2B ได้ทุกขนาด โปรแกรมนี้มาพร้อมกับแดชบอร์ดที่ใช้ภาพแสดงข้อมูล ราคาสำหรับลูกค้าธุรกิจ ส่วนลดตามจำนวนสินค้า และอื่นๆ

7. จัดพิมพ์หนังสือกับ KDP

คุณเคยเขียนนิยายหรือบทละครที่ยอดเยี่ยมบ้างไหม คุณสามารถจัดพิมพ์หนังสือด้วยตนเองผ่าน Kindle Direct Publishing เพื่อแบ่งปันต้นฉบับของคุณในรูปแบบปกอ่อน ปกแข็ง ebook หรือทุกแบบที่กล่าวมา โดยนักเขียนหลายแสนคนจากทั่วโลกจัดพิมพ์หนังสือด้วยตนเองนับล้านๆ เล่มตั้งแต่ KDP เปิดตัวในปี 2007

6 กลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนยอดขายออนไลน์ในอีคอมเมิร์ซ

ในขณะที่คุณตัดสินใจว่าจะสร้างรายได้บน Amazon อย่างไรดี เรามีเทคนิคธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อการเติบโต ต่อไปนี้เป็นเทคนิคบางอย่างที่คุณทดลองได้ขณะสำรวจแนวทางต่างๆ ที่เป็นไปได้สำหรับธุรกิจออนไลน์ รวมถึงเคล็ดลับในการทุ่มสุดตัวเมื่อคุณพบสิ่งที่ใช่

1. จัดหาสินค้าที่เหมาะสม

คุณจะหาสินค้ามาขายออนไลน์ให้กับลูกค้าได้อย่างไร มีทางเลือกดังนี้

* ขายต่อสินค้า – ไม่ว่าคุณจะมีพรสวรรค์ในการค้นหาสินค้าวินเทจในการเปิดท้ายขายของ หรือชำนาญในการหาส่วนลดดีๆ เมื่อสินค้ายอดนิยมลดราคา Amazon สามารถเป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมในการขายต่อสินค้าเหล่านั้นเพื่อทำกำไร อย่าลืมทำตามนโยบายการขายของ Amazon และหลักปฏิบัติสำหรับผู้ขายด้วย
* จัดหาสินค้าขายส่ง – หากคุณกำลังวางแผนจะเคลื่อนย้ายสินค้าคงคลังจำนวนมาก ร่วมงานกับผู้ค้าส่งหรือผู้ผลิตเพื่อตั้ง supply chain และนำสินค้าไปถึงมือลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
* Dropship หรือการพิมพ์ตามสั่ง – หากไม่ต้องการลงทุนในการจัดซื้อและจัดเก็บสินค้าคงคลังจนกว่าคุณจะแน่ใจว่าสินค้าจะขายได้ คุณสามารถร่วมงานกับผู้ให้บริการ Dropshipping เพื่อส่งคำสั่งซื้อไปยังลูกค้าโดยตรงหลังจากที่สั่งซื้อ นอกจากนี้คุณอาจใช้ solution การพิมพ์ตามสั่ง เช่น Amazon Merch

คุณสามารถเริ่มต้นใช้กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์หรือกลยุทธ์การตลาดเหล่านี้สักข้อหนึ่งหรือหลายข้อรวมกันก็ได้ รับแรงบันดาลใจและเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยคู่มือการจัดการสินค้าคงคลัง

2. ใช้ประโยชน์จาก solution การจัดเก็บและกระจายสินค้า

กระบวนการจัดเก็บและกระจายสินค้าซึ่งได้แก่ การหยิบ การบรรจุ การจัดส่งคำสั่งซื้อ และการจัดการสินค้าที่ถูกส่งคืน ใช้เวลาและทรัพยากรอันมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังขยายธุรกิจ โชคดีที่คุณสามารถจัดเก็บและกระจายสินค้าตามคำสั่งซื้อด้วยตนเอง, ใช้บริการภายนอกเพื่อจัดเก็บและกระจายสินค้า หรือทั้งสองอย่าง

Fulfillment by Amazon อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับโมเดลธุรกิจของคุณหากคุณต้องการส่งสินค้าคงคลังไปที่ FC ของ Amazon ด้วยวิธีนี้ ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถจัดเก็บ บรรจุ และจัดส่งคำสั่งซื้อในนามของคุณ คุณยังสามารถมอบสิ่งจูงใจให้กับลูกค้าได้ด้วยผ่านทาง FBA:

* การจัดส่งสินค้าภายในสองวันฟรีผ่าน Prime
* การส่งคืนสินค้าฟรี
* ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
computer icon with Amazon Smile logo

รู้หรือไม่
ค่าธรรมเนียมการจัดเก็บและกระจายสินค้าของ Amazon ช่วยคุณประหยัดได้

ค่าธรรมเนียมการจัดเก็บและกระจายสินค้าของ Amazon โดยเฉลี่ยต่ำกว่าวิธีการจัดส่งมาตรฐานอื่นๆอถึง 30% และโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 70% เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ของการจัดส่งภายในสองวัน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ FBA

3. ตั้งราคาที่แข่งขันได้

ลองศึกษาค้นคว้าโดยเน้นไปที่การแข่งขันสำหรับสินค้าที่คุณต้องการขาย เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อคุณลงรายการสินค้าครั้งแรก แต่ในอนาคต การขายจะมีกำไรในระยะยาวหากคุณตั้งระบบเพื่อทำการค้นคว้าการกำหนดราคาเป็นประจำ คุณสามารถใช้เวลากับการวิเคราะห์ราคาสินค้าที่คล้ายคลึงกันใน Amazon search หรือใช้เครื่องมือกำหนดราคาอัตโนมัติของเราเพื่อตั้งราคาในพอร์ตโฟลิโอโดยอัตโนมัติตามความต้องการสินค้าในปัจจุบัน

4. เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับผู้ซื้อให้มากขึ้น

คุณสามารถเชื่อมต่อข้อเสนอของคุณกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าให้มากขึ้นโดยใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ SEO เพื่อเป็นการช่วยการจัดอันดับรายการสินค้าในผลการค้นหาสำหรับผู้ซื้อ การเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องมือค้นหาเบื้องต้นนั้นเกี่ยวข้องกับการระบุคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงในชื่อสินค้า, Bullet Points และส่วนอื่นๆ ของคำบรรยายสินค้า
computer icon with Amazon Smile logo

เคล็ดลับการตลาดระดับมืออาชีพ

ใช้ A+ Content เพื่อปรับปรุงเนื้อหา
แสดงให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดทั้งหมดของสินค้าโดยเพิ่มภาพคุณภาพสูง สร้างแบรนด์ของคุณเอง และอื่นๆ อีกมากมายด้วย A+ Content โดย A+ Content สามารถทำให้การขายหน่วยสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 93 เท่า, ขับเคลื่อนการคลิกให้เพิ่มขึ้น 64 เท่า และส่งผลให้เกิดการแสดงผลเพิ่มขึ้นถึง 48 เท่าเมื่อโฆษณาร่วมกับสินค้าที่ได้รับการสนับสนุน

5. ลงโฆษณาและเสนอ Deal พิเศษ

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากในการขายของออนไลน์คือรูปภาพสินค้า ภาพที่มีคุณภาพเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินและเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักได้ด้วยการเข้าชม รูปภาพต่างๆ ช่วยให้ลูกค้าเห็นสินค้าจากมุมที่แตกต่างกัน และสามารถชักชวนให้ลูกค้าเลือกผลการค้นหาอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าอีกผลการค้นหาหนึ่งได้ ภาพสินค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยกระตุ้นจินตนาการของลูกค้าและสร้างแรงบันดาลใจให้ซื้อสินค้า
ภาพควรแสดงสินค้าขณะใช้งาน แสดงมุมต่างๆ และเน้นให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ต่อไปนี้คือปัจจัยอีกสองสามข้อที่ควรคำนึงถึงเกี่ยวกับรูปภาพ:

* หน้ารายละเอียดทุกหน้าต้องมีรูปภาพสินค้าอย่างน้อยหนึ่งภาพ ควรใช้ภาพ 6 ภาพและวิดีโอ 1 รายการ
* ภาพควรมีความชัดเจน ให้ข้อมูลครบถ้วน และน่าสนใจ
* ภาพควรมีพื้นหลังสีขาวและใช้พื้นที่ภาพอย่างน้อย 85%
* ใช้ 500 x 500 หรือ 1000 x 1,000 พิกเซลเพื่อเพิ่มคุณภาพรายการสินค้า

ประเมินคุณภาพของภาพตามแนวทางเหล่านี้:

* ภาพตรงกับขนาด สี และความชัดเจน ในคำบรรยายสินค้า
* มองเห็นสินค้าได้อย่างชัดเจน
* ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ใช่ภาพวาด
* รูปภาพนั้นถ่ายด้วยมุมตรง
* สินค้าอยู่ในจุดโฟกัสและมีแสงสว่างที่เพียงพอ
* ภาพถ่ายระยะใกล้ไม่ถูกบดบังด้วยแสงหรือเงา
* สินค้าทั้งชิ้นถูกแสดงให้เห็นในภาพ
* พื้นหลังเรียบง่ายสะอาดตาเพื่อไม่ให้ดึงความสนใจไปจากสินค้า
* ควรแสดงภาพแบบต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สินค้าหลายหมวดหมู่อนุญาตให้ใส่ภาพตัวอย่างสินค้าย่อยและภาพสินค้าแบบอื่นๆ ได้

นอกจากนี้ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานเว็บไซต์และข้อกำหนดเกี่ยวกับรูปภาพสินค้าทั้งหมด รูปภาพที่คุณอัปโหลดควรเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคของไฟล์ หากพบปัญหา ให้ตรวจสอบที่ปัญหาเกี่ยวกับรูปภาพและการแก้ไขปัญหารูปภาพ
หากสร้างภาพเอง คุณอาจพบว่าสินค้าสำหรับการสร้างภาพแบบบริการตนเอง และวิดีโอการถ่ายภาพของเราเป็นประโยชน์
หากคุณทำธุรกิจขายเสื้อผ้า ให้ดาวน์โหลดคู่มือรูปแบบสำหรับรูปภาพเพื่อตรวจสอบข้อกำหนดระหว่างหมวดหมู่สินค้า เรียนรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ และดูตัวอย่าง
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพในแอป Amazon Seller
คุณสามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพด้วยแอป Amazon Seller สำหรับรูปภาพรายการสินค้า Amazon ของคุณ เข้าถึงคุณสมบัติการถ่ายภาพและตัดต่อเมื่อคุณอัปเดตรูปภาพรายการสินค้าหรือจากตัวเลือก Product Photo Studio ในเมนูแบบดรอปดาวน์ด้านซ้ายบน คุณสมบัตินี้มีการปรับการเปิดรับแสง/ความสว่าง การครอบตัด และการเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีขาวทั้งด้วยตัวเองและโดยอัตโนมัติ
ดูเครื่องมือสตูดิโอถ่ายภาพแบบพกพาของ Amazon และสินค้าได้ที่นี่
รับชม: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพโดยใช้แอป Amazon Seller

6. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย

คำค้นหาเป็นคีย์เวิร์ด back end ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีส่วนร่วมและสามารถอ่านได้สำหรับหน้าสินค้า ในขณะที่ยังคงมั่นใจว่า Amazon จะจัดทำดัชนีคีย์เวิร์ดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ผู้ซื้อจะไม่เห็นคีย์เวิร์ดเหล่านี้ ดังนั้นการเพิ่มคีย์เวิร์ดลงใน “back end” ของรายการสินค้า จึงช่วยให้คุณเพิ่มการค้นพบสินค้าอีกด้วย
เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพคำค้นหาของคุณ:

* ใช้เฉพาะคำทั่วไป
* ใช้คำพ้องความหมาย ตัวย่อ และชื่อทางเลือกอื่นๆ ของสินค้า
* อย่าให้ความยาวเกินขีดจำกัด คุณมีพื้นที่น้อยกว่า 250 ไบต์ ขอให้ลดการใช้อักขระที่ไม่จำเป็น ไม่นับรวมช่องว่างและเครื่องหมายวรรคตอน ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ ขีดจำกัด และตัวเลือกของคีย์เวิร์ด
* เมื่อป้อนวลี ให้พิมพ์ตามลำดับการค้นหาเชิงตรรกะ
* ใช้รูปแบบการสะกดคำต่างๆ (หากมี) แต่ไม่ควรระบุคำที่ตั้งใจสะกดผิดลงไป
* ใช้ตัวย่อและชื่ออื่นๆ
* คุณใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดได้
* คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องหมายวรรคตอนใดๆ ไม่ต้องใช้ยัติภังค์ (-) เครื่องหมายทวิภาค (:) และอื่นๆ
* แยกคำต่างๆ ด้วยการเว้นวรรคเท่านั้น
* ไม่ใส่คำซ้ำลงไปภายในช่องคำค้นหา
* ไม่จำเป็นต้องใช้คำเชื่อม Stop words เช่น "และ" "โดย" "สำหรับ" "ของ" "กับ" และอื่นๆ
* ใช้รูปแบบเอกพจน์หรือพหูพจน์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งสองอย่าง

ทำความรู้จักกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับคำค้นหาของ Amazon และหลีกเลี่ยงคำค้นหาต้องห้าม

วิธีการเพิ่มคำค้นหาผ่านบัญชีศูนย์ผู้ขาย Amazon:

* ลงชื่อเข้าใช้บัญชีศูนย์ผู้ขาย Amazon
* ในส่วนสินค้าคงคลัง ให้ไปที่จัดการสินค้าคงคลัง
* ค้นหารายชื่อที่คุณต้องการเพิ่มคีย์เวิร์ดสำหรับแบ็กเอนด์และคลิกแก้ไข
* เลือกแท็บคีย์เวิร์ด
* ป้อนคีย์เวิร์ดของคุณในช่องคำค้นหาและบันทึก

เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: ใช้รายงานคำค้นหาของ Amazon
รายงานคำค้นหาของ Amazon จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายออนไลน์ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ รายงานนี้แสดงให้เจ้าของแบรนด์เห็นวิธีที่ลูกค้า (โดยรวม) ค้นหาสินค้าที่มีแบรนด์และสินค้าคู่แข่งในร้านค้า Amazon โดยจะแสดงคำค้นหายอดนิยมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด อันดับความถี่ในการค้นหาของแต่ละคำ และสินค้า 3 อันดับแรกที่ลูกค้าคลิกหลังจากค้นหาคำดังกล่าว
ดูเพิ่มเติม: เข้าถึงรายงานคำค้นหาของ Amazon

คำถามที่พบบ่อย: FBA สำหรับผู้เริ่มต้น

Amazon SEO คืออะไร?
เมื่อผู้ซื้อค้นหาใน Amazon คุณจะต้องทำให้รายการสินค้ามองเห็นได้ง่ายในผลการค้นหาเหล่านั้น การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ของ Amazon เป็นวิธีการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเข้าชมรายการสินค้าด้วยผลการค้นหาออร์แกนิก
การดำเนินการปรับปรุง SEO ในการขายออนไลน์ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากขึ้น เพิ่มการเข้าชมรายการสินค้ามากขึ้น เพิ่มการมองเห็นสินค้า เพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันที่สูงขึ้น เลื่อนอันดับการค้นหา และเพิ่มยอดขาย
คุณจะเพิ่มอันดับ Amazon ได้อย่างไร?
มีหลายวิธีในการเพิ่มอันดับ Amazon การรักษามาตรฐานของ Amazon จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการเชื่อมต่อกับผู้ที่สนใจซื้อ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งอันดับสูงเท่าไร คุณก็ยิ่งมีศักยภาพในการขายมากเท่านั้น
วิธีเพิ่มเติมในการเพิ่มอันดับ ได้แก่

* เพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้า เช่น ชื่อ คำอธิบายสินค้า คุณสมบัติหลัก รูปภาพ และราคา
* รีวิวในเชิงบวกจะช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของคุณ ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำให้ได้รับความคิดเห็นและคะแนนในเชิงบวก
* เสนอการจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
* ใช้ A+ Content โดยการลงทะเบียนใน Brand Registry
* ร่วมเป็นผู้ขาย Amazon Prime เมื่อคุณลงทะเบียนใน FBA ลูกค้า Amazon หลายคนมองหาสินค้าที่มีป้าย Prime เนื่องจากป้ายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการจัดส่งฟรีที่รวดเร็ว
* ติดตามอันดับสินค้าของคุณบนแดชบอร์ดแบรนด์และจัดการรีวิวสินค้า
* ใช้ Amazon Selling Coach เพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จในการขายของคุณ

สำรวจส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่อดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงอันดับของคุณใน Amazon
Amazon SERP คืออะไร?
SERP ย่อมาจาก “หน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา” Amazon SERP แสดงผลการค้นหาให้กับผู้ซื้อหลังจากพวกเขาค้นหาสินค้าบน Amazon.com ในการเพิ่มอันดับสินค้าใน SERP ให้เพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้า Amazon ของคุณ ดูส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่ออ่านวิธีการปรับปรุงอันดับสินค้าด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO)
เครื่องมือ Amazon SEO มีอะไรบ้าง?
Amazon มีเครื่องมือมากมายไว้ช่วยให้ผู้ขายสร้างและต่อยอดธุรกิจใน Amazon.com รายการเครื่องมือที่จะช่วยด้าน SEO มีดังนี้

* A+ Content (ก่อนหน้านี้เรียกว่าเนื้อหาแบรนด์ที่ได้รับการปรับปรุง) เป็นกลยุทธ์การตลาดช่วยให้คุณสามารถอธิบายคุณสมบัติของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยการรวมเรื่องราวของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ รูปภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการวางข้อความซึ่งอาจส่งผลให้อัตราคอนเวอร์ชันสูงขึ้น ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มยอดขายเมื่อใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
* แดชบอร์ดคุณภาพรายการสินค้าเป็นเครื่องมือในศูนย์ผู้ขายที่เน้นข้อมูลสินค้าที่สำคัญสำหรับลูกค้า แสดงรายการสินค้าที่ต้องปรับปรุง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระบุเป็นคุณสมบัติของสินค้า
* เครื่องมือจัดการการทดลองของคุณช่วยให้สามารถทดลองกับรูปภาพสินค้า ชื่อ และ A+ Content เพื่อพิจารณาว่าเนื้อหาแบบใดมีประสิทธิภาพดีกว่า ดำเนินการทดลองเช่น การทดสอบ A/B เพื่อดูว่าเนื้อหาใดผลักดันยอดขายมากกว่า
* เครื่องมือในการเพิ่มรูปภาพคุณภาพสูงลงในรายการสินค้า รับชม: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพด้วยแอป Amazon Seller
* แอปและบริการภายนอกที่ผ่านการรับรองจาก Amazon ผ่านเครือข่ายพาร์ทเนอร์ศูนย์ผู้ขายเพื่อช่วยในการติดตามประสิทธิภาพ เครื่องมือการรายงาน ตัวชี้วัดลูกค้า และอื่นๆ
* Seller University มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือทางการศึกษาเพื่อเรียนรู้และเติบโตในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ขายของ Amazon
* ติดต่อ Amazon Selling Coach เพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จในการขายของคุณ

สำรวจส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่อดูเคล็ดลับการขายออนไลน์เพิ่มเติมและเครื่องมือในการปรับปรุงรายการสินค้า Amazon ของคุณด้วย SEO
ข้อเสนอพิเศษของ Amazon คืออะไร โปรแกรมนี้ทำงานอย่างไร?
ข้อเสนอพิเศษของ Amazon (ก่อนหน้านี้เรียกว่า Buy Box) เป็นข้อเสนอสำหรับสินค้าใหม่ที่แสดงบนหน้ารายละเอียดสินค้าที่มีปุ่มเพิ่มไปยังรถเข็น
ข้อเสนอของคุณมีสิทธิ์ได้รับข้อเสนอเด่น หากคุณมีบัญชีผู้ขายแผนการขายแบบมืออาชีพ ตรวจสอบประเภทบัญชีปัจจุบันและอัปเกรดเป็นแผนการขายแบบมืออาชีพได้หากยังไม่มีแผนดังกล่าว ดูเพิ่มเติมได้ที่การได้รับสิทธิ์เป็นข้อเสนอพิเศษ
หากผู้ขายหลายรายนำเสนอสินค้าเดียวกันในสภาพใหม่ ผู้ขายอาจมีคุณสมบัติในการแข่งขันสำหรับข้อเสนอพิเศษและช่องผู้ขายรายอื่นๆ บน Amazon สำหรับสินค้าดังกล่าว
Note: The information contained in this article does not constitute legal, financial or other professional advice. If you are in doubt as to the action you should take, please consult your legal, financial or other professional adviser. In addition, the content in this article is for information only and must not be construed as a guarantee of future results. Many factors influence the demand for a seller’s products, including price fluctuations, consumer demand shifts, and sellers remain responsible for determining the products they sell and their prices.

เริ่มต้นขายออนไลน์บน Amazon วันนี้

US$ 39.99 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน + ค่าธรรมเนียมการขาย
© 2021, Amazon.com Services LLC.