Amazon Brand Registry

Brand Registry หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "การลงทะเบียนแบรนด์" สามารถช่วยให้คุณปกป้องแบรนด์ของคุณจากการลอกเลียนแบบ และให้คุณเข้าถึงเครื่องมือส่งเสริมยอดขายที่ Amazon จัดเตรียมไว้ให้อย่างเต็มรูปแบบ

Amazon Brand Registry

"แบรนด์" หมายถึงเครื่องหมายที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น ชื่อหรือโลโก้ที่พิมพ์บนผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ ผู้บริโภคสามารถจำความแตกต่างระหว่างรายการสินค้าลักษณะเดียวกันผ่านเครื่องหมายนี้ และค่อยๆ สร้างฐานลูกค้าประจำแบรนด์เพื่อรักษาและเพิ่มปริมาณการขาย ซึ่งการจด Amazon Brand Registry นั้นสามารถช่วยให้คุณขยายข้อได้เปรียบของแบรนด์ไปอีกขั้นหนึ่ง
icon: megaphone with sound coming out
ปกป้องแบรนด์
เข้าถึงฟังก์ชั่นการปกป้องแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น เช่น Project Zero ที่ช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิ์ทางการค้าจากสินค้าปลอม และสร้างความคุ้มครองแบรนด์ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
icon: ascending line graph
เข้าถึงเครื่องมือที่ครบวงจร
เข้าถึงฟังก์ชันการวิเคราะห์ข้อมูลแบรนด์เช่น Amazon Brand Analytics และ Dashboard Brand เพื่อให้ผู้ขายเข้าใจว่าลูกค้าและคู่แข่งของแบรนด์คุณคือใคร
icon: circle with dollar sign in the middle, computer mouse pointer clicking on it
เพิ่มยอดขายกว่า 10 เท่า
ผู้ขายที่จดทะเบียน Amazon Brand Registry มียอดขายเฉลี่ยมากกว่าผู้ขายที่ไม่ได้จดแบรนด์ถึง 10 เท่า
(หมายเหตุ: สถิติจากปี 2022)

ประโยชน์ของการจด Brand Registry

เมื่อลงทะเบียนใน Brand Registry แล้ว คุณสามารถดูประโยชน์และคุณลักษณะต่างๆ ของ Brand Registry ได้ในแดชบอร์ด Amazon Seller Central ของคุณ โดยไปที่ตัวเลือก แบรนด์ บนแถบเมนูของ Seller Central ซึ่งจะประกอบไปด้วย Brand Analytics, Manage Experiments, Customer Reviews, Customer Engagement, Virtual Bundles, Brand Referral Bonus, Build Your Brand
icon: protect tag and form verification badge
Brand Analytics & Customer Insight

Brand Analytics นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับข้อมูลพฤติกรรมการค้นหาและการซื้อของลูกค้า ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจได้
1. ข้อมูลต่างๆเหล่านั้น ประกอบด้วย ข้อมูลประสิทธิภาพของข้อความค้นหา(Search Query Performance) การวิเคราะห์ตลาด พฤติกรรมการซื้อซ้ำ ประสิทธิภาพของแคตตาล็อกการค้นหา และข้อมูลประชากร
2. ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจวางกลยุทธ์และประเมินแคมเปญการตลาด ทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และวิเคราะห์กระบวนการขาย นอกจากนี้ Brand Analytics ยังมีแผนภูมิที่แสดงคุณลักษณะของลูกค้า เช่น อายุ รายได้ครัวเรือน ระดับการศึกษา เพศ และสถานภาพการสมรส
icon: communication bubbles with a smile face
Brand Protection

คุณจะสามารถปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและเนื้อหาของคุณบน Amazon และทีมงานภายในที่พร้อมจะทุ่มเทให้ความช่วยเหลือคุณในเรื่อง:

1. การรายงานการละเมิดตลาดใด ๆ เช่น การจัดการรีวิวผลิตภัณฑ์และการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ 'ไม่เป็นไปตามที่อธิบายไว้'
2. รายงานปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการลงสินค้าของคุณ เช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ผิดพลาดและข้อมูลรูปแบบผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการลงประกาศที่ถูกบล็อก
3. ยื่นหรือถอนการเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
4. รายงานปัญหาทางเทคนิคใดๆ เกี่ยวกับการโหลดหน้าเว็บสำหรับรายการผลิตภัณฑ์ของคุณหรือหน้าแรกของ Seller Central
5. ดำเนินการต่อเนื่องกับข้อกล่าวหาที่ส่งมาก่อนหน้านี้

คุณจะสามารถตรวจสอบกรณีต่อเนื่องทั้งหมดของคุณที่เกี่ยวข้องกับกรณีใดๆ ข้างต้น และสามารถส่งต่อได้เมื่อจำเป็น
นอกจากนั้น เมื่อลงทะเบียน Brand Registry แล้ว คุณจะสามารถเข้าถึง Transparencyที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ และ Project Zero ที่ช่วยคุณปกป้องแบรนด์ของคุณ และจัดการกับของปลอมให้กลายเป็นศูนย์
icon: preferences slider
Build Your Brand & Customer Engagement

1. สร้างสรรค์ A+ Content

ยกระดับเนื้อหาสินค้า ทำให้คุณสามารถเพิ่มข้อความ รูปภาพ อินโฟกราฟิก และรูปแบบที่ไม่ซ้ำใครลงในรายการผลิตภัณฑ์ของคุณ นอกเหนือจากคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่เป็นข้อความธรรมดาพื้นฐาน ให้รายชื่อของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

2. Storefront
ยกระดับหน้าร้านของคุณให้น่าสนใจและโดดเด่นด้วยองค์ประกอบบนหน้าร้านออนไลน์ที่หลากหลายขึ้น เช่น มีการจัดรูปแบบเนื้อหา Header และ Footer โดยที่คุณสามารถเริ่มต้นจากต้นแบบที่เรามีให้ หรือสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง

3. Sponsored Brand
การโฆษณาพาดหัวบนหน้าผลการค้นหาของ Amazon ช่วยเพิ่มการค้นพบแบรนด์โดยใช้ข้อความที่ไม่ซ้ำกันเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อเห็นแบรนด์ของคุณ เมื่อคลิกที่ชื่อแบรนด์หรือตราสัญลักษณ์ของคุณ ลูกค้าจะถูกนำทางไปยังหน้าร้านหรือหน้าผลิตภัณฑ์ของคุณ

ก่อนที่ผู้ขายจะลงทะเบียนแบรนด์กับ Amazon ผู้ขายต้องจด Trademark ของประเทศที่ผู้ขายจะนำของส่งไปขาย ในกรณีที่ผู้ขายต้องการขายสินค้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ขายต้องจด Trademark ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US Trademark

การจด US Trademark

Trademark หรือเครื่องหมายการค้าคือเครื่องหมายที่ใช้หมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น คุณสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้า โดยผ่านทาง Amazon IP Accelerator ที่นำเสนอสถาบันทางกฏหมายที่จะให้คำปรึกษา และทำให้การจดทะเบียนทางการค้าของคุณสะดวก และรวดเร็วขึ้นในทุกๆขั้นตอน และนำไปสู่การลงทะเบียน Brand registry

FAQ

เครื่องหมายการค้า(Trademark) vs. สิทธิบัตร(Patent) vs. ลิขสิทธิ์(Copyright)
icon: protect tag and form verification badge
เครื่องหมายทางการค้า
คือเครื่องหมายเพื่อคุ้มครองชื่อและเครื่องหมายหรือ โลโก้แบนรด์ของคุณ
icon: communication bubbles with a smile face
ลิขสิทธิ์
เหมาะสำหรับสินค้าผลงานทางศิลปะ งานเขียน เช่น ภาพวาด กราฟฟิก
icon: preferences slider
สิทธิบัตร
เหมาะสำหรับสินค้าประเภทงานประดิษฐ์ ภูมิปัญญา ออกแบบผลิตภัณฑ์และ เช่น สูตรอาหารร ผลิตภัณฑ์

จด US Trademark ใน 4 ขั้นตอน

1.สืบค้นข้อมูล

ตรวจสอบว่าเครื่องหมายการค้าที่ต้องการขอรับจดทะเบียน เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้ก่อนหรือไม่ (สามารถตรวจสอบความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วในสหรัฐฯ ได้ที่นี่) และเครื่องหมายการค้าของคุณต้องอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร (text based mark or work mark) หรือ รูปแบบของดีไซน์ (design mark) ที่ประกอบด้วย รุูปภาพ, ตัวอักษร หรือตัวเลข

2. ยื่นคำขอ

* หากคุณถือสัญชาติอเมริกา สามารถยื่นคำขอได้ 2 ทางคือ ยื่นโดยตรงต่อ USPTO หรือ ยื่นผ่านทางระบบออนไลน์ได้ ที่นี่
* หากคุณไม่ได้มีถิ่นที่อยู่หรือสถานประกอบธุรกิจ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นที่จะต้องแต่งตั้ง หรือมอบอำนาจให้ตัวแทนเครื่องหมายการค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนแทน โดยผ่านสถาบันทางกฏหมายที่ได้รับรอง หรือ ผ่านทาง Amazon IP Accelerator

3. ตรวจสอบคำขอ

ทาง USPTO ดำเนินการตรวจสอบคำขอจดทะเบียน โดยพิจารณาดังนี้
1. ตรวจสอบว่าเอกสารครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ครบถ้วนจะแจ้งให้คุณแก้ไขภายใน 6 เดือน
2. ตรวจสอบว่าเครื่องหมายการค้าของคุณมีลักษณะอันพึงจะได้รับการจดทะเบียนหรือไม่ หากโดนปฏิเสธ คุณมีสิทธิในการยื่นคำชี้แจงภายใน 6 เดือนเพื่อกลับเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบ ในทั้งสองกรณีหากเกินเวลาที่กำหนดจะถือเป็นการละทิ้งคำขอ

4. ประกาศโฆษณา

คำขอของจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าของคุณจะถูกนำไปประกาศในหนังสือประกาศโฆษณาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถคัดค้านการจดทะเบียนการค้าดังกล่าว เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน

5. รับการจดทะเบียน

ในกรณีไม่มีผู้คัดค้านหรือมีการยกคำคัดค้าน คุณจะได้รับหนังสือการจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าและสามารถนำ Registration Number เพื่อนำไปลงทะเบียน Band Registry
computer icon with Amazon Smile logo

เอกสารขอ Trademark

1. คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
2. หนังสือมอบอำนาจ
3. รูปเครื่องหมายการค้า
4. คำแปลและคำอ่าน สำหรับเครื่องหมายคำที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
5. ข้อมูลของผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนและข้อมูลทั่วไป เช่น วันที่มีการใช้เครื่องหมายการค้าเป็นครั้งแรก รายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ
รายการสินค้า/บริการที่ประสงค์จะขอรับการจดทะเบียน

การลงทะเบียนแบรนด์

สมัครบัญชีผู้ขาย Amazon ได้ที่ Seller Central เว็บไซต์ที่ใช้จัดการบัญชีผู้ขาย คุณสามารถสร้างบัญชีด้วยอีเมลธุรกิจของคุณ และปฎิบัติตามขั้นตอนการสมัคร รวมทั้งเตรียมเอกสารยืนยันตัวตนทุกอย่างให้ครบถ้วน
1. ตรวจสอบข้อกำหนดคุณสมบัติ
1.1) แบรนด์ต้องมีเครื่องหมายการค้าแบบข้อความหรือรูปภาพที่รอดำเนินการหรือจดทะเบียนและใช้งานอยู่
1.2) เพื่อให้มีสิทธิ์ใช้ Amazon Brand Registry แบรนด์ของคุณต้องมีเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่ใช้งานอยู่ในแต่ละประเทศที่คุณต้องการลงทะเบียนหรือมีใบสมัครเครื่องหมายการค้าที่รอดำเนินการยื่นผ่าน Amazon IP Accelerator นอกจากนี้ Brand Registry ยังยอมรับแบรนด์ที่มีเครื่องหมายการค้าที่รอการจดทะเบียนในส่วนย่อยของสำนักงานเครื่องหมายการค้า (ดูส่วนข้อกำหนดเฉพาะประเทศ) ตัวอย่างของเครื่องหมายการค้าที่เรายอมรับสำหรับการลงทะเบียนอยู่ด้านล่าง:
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ควรจดในตลาดเป้าหมายที่ผู้ขายต้องการจะส่งสินค้าไปขาย เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในการปกป้องแบรนด์ (Brand Protection) อย่างเต็มประสิทธิภาพ

คุณสามารถตรวจสอบแนวทางการลงทะเบียนเฉพาะประเทศสำหรับใบสมัคร Brand Registry ของคุณได้ที่นี่
ข้อความเครื่องหมายการค้าต้องตรงกับชื่อแบรนด์ในใบสมัคร หากเครื่องหมายการค้าของคุณเป็นเครื่องหมายรูปภาพที่มีคำ ตัวอักษร หรือตัวเลข คุณจะต้องอัปโหลดสำเนาของรูปภาพให้ตรงตามที่ปรากฏในบันทึกเครื่องหมายการค้าของคุณ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลนี้ตรงกันก่อนที่จะส่งใบสมัครของคุณ
เครื่องหมายการค้านี้ต้องปรากฏบนผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ของคุณด้วย
2. ลงชื่อเข้าใช้ Amazon Brand Registry
1. เจ้าของเครื่องหมายการค้าจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนแบรนด์
2. หากคุณเป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาต โปรดให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าลงทะเบียนแบรนด์ก่อน และเพิ่มบัญชีของคุณเป็นผู้ใช้เพิ่มเติม หากคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ให้ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้ข้อมูลประจำตัวของผู้ขายหรือผู้ขายกลางที่มีอยู่ของคุณ การใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเดียวกันจะทำให้สามารถเข้าถึงคุณสมบัติและประโยชน์ของ Brand Registry ที่เชื่อมโยงกับบริการของผู้ขายและผู้ขาย หรือหากคุณยังไม่มีบัญชี Amazon สร้างบัญชีได้ฟรี
3. ลงทะเบียนแบรนด์
ในการลงทะเบียนแบรนด์ คุณจะต้องให้ข้อมูลต่อไปนี้:

1. ชื่อแบรนด์ของคุณ ที่มีเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ เครื่องหมายการค้าสำหรับแบรนด์ของคุณต้องปรากฏบนผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ของคุณ และคุณต้องจัดเตรียมรูปภาพที่สื่อถึงสิ่งนี้

2. หมายเลขทะเบียนเครื่องหมายการค้า ที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาออกให้ สามารถระบุหมายเลขคำขอรับโดยสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาได้ต่อเมื่อคุณลงทะเบียนกับเครื่องหมายการค้าที่รอการจดทะเบียน

3. รายการหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ (เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องกีฬา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) ที่ควรแสดงแบรนด์ของคุณ

หลังจากที่ผู้ขายส่งข้อมูลนี้ Amazonจะยืนยันว่าผู้ขายเป็นเจ้าของสิทธิ์ของเครื่องหมายการค้า และติดต่อผู้ติดต่อที่ตรงตามข้อกำหนดของamazon(ทนาย) ทนายนี้จะได้รับรหัสยืนยัน ผู้ขายจะต้องส่งรหัสนี้กลับไปที่ Amazon เพื่อดำเนินการขั้นตอนการลงทะเบียนให้เสร็จสิ้น
เมื่อAmazonตรวจสอบข้อมูลที่ให้แล้ว ผู้ขายจะเข้าถึงสิทธิประโยชน์และฟีเจอร์ทั้งหมดของ Amazon Brand Registry ซึ่งจะช่วยปกป้องแบรนด์ของผู้ขายได้

มีธุรกิจกว่า 500,000 แบรนด์ที่จดทะเบียน Brand Registry บน Amazon*
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้เลยวันนี้

© 2021, Amazon.com Services LLC.