คู่มือสำหรับสมัครบัญชีผู้ขาย
บน Amazon
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว หรือเป็นมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นขายของออนไลน์ ข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ และส่งออกสินค้า บน Amazon ได้อย่างราบรื่น
![](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/global_selling.png)
ยินดีต้อนรับสู่ Amazon
ยินดีต้อนรับเข้าสู่การเป็นผู้ขายบน Amazon เว็บขายของออนไลน์ที่มีลูกค้าเข้าชมจากทั่วโลก และลูกค้าส่วนใหญ่มองหาแหล่งสินค้าที่หลากหลายและคุณภาพดี ดังนั้น ผู้ขายทุกคนจึงเป็นคนสำคัญสำหรับเรา ทาง Amazon ยินดีให้การสนับสนุนผู้ขายทุกท่าน ให้ท่านเข้าถึงบริการ กลยุทธ์การตลาด และเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้การขายของออนไลน์ ต่างประเทศ บนเว็บไซต์ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น
![icon: logistic graph](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Global_Sales_USD.png)
เข้าถึงลูกค้าทั่วโลก
ผู้ขายบน Amazon ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออกสินค้า เจ้าของแบรนด์ หรือตัวแทนจำหน่าย สามารถเข้าถึงเครือข่ายลูกค้าของ Amazon กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก
![icon: ascending line graph](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Seller_Fulfilled.png)
ระบบจัดการสินค้า
Amazon มีกลยุทธ์การตลาด ซึ่งมีระบบจัดการสินค้าครบวงจร ตั้งแต่การสต็อคของ ไปจนถึงการส่งของถึงมือลูกค้าในต่างประเทศ
อ่านเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม
โปรแกรมเพิ่มยอดขาย
นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดในการลงขายแล้ว Amazon ยังมีเครื่องมือและโปรแกรมต่างๆ ให้ผู้ขายได้เข้าร่วม เพื่อส่งเสริมการขายของออนไลน์ เช่น เครื่องมือการโฆษณา หรือการออกแบบหน้าร้าน
ขายของออนไลน์ทั่วโลก และ ส่งออกสินค้า ไปขายบนเว็บขายของอย่าง Amazon สามารถทำให้คุณเข้าถึงฐานลูกค้ากว่า 300ล้าน คน และด้วยกลยุทธ์การตลาดและเครื่องมือต่างๆนี้ ความสำเร็จในการขยายธุรกิจออนไลน์ของคุณอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
ก่อนสมัครบัญชีผู้ขาย
ก่อนจะเริ่มต้นสมัครบัญชีผู้ขายและเริ่มธุรกิจออนไลน์ กับ Amazon เราขอแนะนำให้คุณเตรียมความพร้อมใน 3 หัวข้อหลัก นั่นคือ การศึกษาแผนการขาย การเลือกสินค้าที่จะนำมาขาย และการสำรวจโปรไฟล์
1. เลือกแผนการขายที่เหมาะสม
![icon: megaphone with sound coming out](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Business_Growth.png)
Professional Selling Account
แผนการขายสำหรับมืออาชีพ
• เรตพิเศษ USD$ ต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน* ไม่ว่าจะขายสินค้าจำนวนเท่าใดก็ตาม
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการส่งออกสินค้าไปขายมากกว่า 40 ชิ้นต่อเดือน
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการใช้เครื่องมือเพิ่มยอดขายจาก Amazon
• เรตพิเศษ USD$ ต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน* ไม่ว่าจะขายสินค้าจำนวนเท่าใดก็ตาม
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการส่งออกสินค้าไปขายมากกว่า 40 ชิ้นต่อเดือน
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการใช้เครื่องมือเพิ่มยอดขายจาก Amazon
![icon: ascending line graph](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Entrepreneurs_USD.png)
Individual Selling Account
แผนการสำหรับบุคคลทั่วไป
• มีค่าธรรมเนียม $0.99 ต่อหนึ่งหน่วยสินค้าที่ขายออก
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการส่งออกสินค้าไปขายน้อยกว่า 40 ชิ้นต่อเดือน
• มีค่าธรรมเนียม $0.99 ต่อหนึ่งหน่วยสินค้าที่ขายออก
• เหมาะกับผู้ขายที่ต้องการส่งออกสินค้าไปขายน้อยกว่า 40 ชิ้นต่อเดือน
![computer icon with Amazon Smile logo](https://m.media-amazon.com/images/G/01/sp-marketing-toolkit/guides/design/iconography/Business_Growth.png)
เข้าถึง Tools มากมาย ด้วยแผนการขายแบบมืออาชีพ
แผนการขายแบบมืออาชีพช่วยให้ผู้ขายเข้าถึงเครื่องมือกระตุ้นยอดขาย กลยุทธุทธ์การตลาด และประโยชน์อื่น ๆ ที่มากกว่าแผนการขายแบบทั่วไป อาทิ การลงโฆษณา โปรโมชั่นต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึง Reports ที่จะช่วยให้ผู้ขายสามารถวิเคราะห์ยอดขายและพฤติกรรมของลูกค้าในธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น
2. เลือกสินค้าที่จะขายบน Amazon
ทาง Amazon เปิดให้ผู้ขายของออนไลน์ทุกรายสามารถลงขายสินค้าได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ แต่สำหรับสินค้าบางหมวดหมู่จะต้องมีการขออนุมัติเอกสารสำคัญในการส่งออกสินค้าและสามารถลงขายได้หากผู้ขายสมัครบัญชีแผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling Plan) เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคหรือในการใช้งานของลูกค้า
3. พิจารณาโปรไฟล์ผู้ขาย
เมื่อตัดสินใจเลือกขายสินค้าออนไลน์บน Amazon แล้ว ผู้ขายควรจะพิจารณาโปรไฟล์ของตนเองเพื่อที่จะวางกลยุทธ์การตลาดในการส่งออกสินค้าให้เหมาะสมมากที่สุด
ผู้ผลิต
มีโรงงานหรือกระบวนการผลิต และผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตนเอง
มีโรงงานหรือกระบวนการผลิต และผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตนเอง
เจ้าของแบรนด์
สั่งผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองเพื่อเสนอตัวเลือกที่ไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้า
สั่งผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองเพื่อเสนอตัวเลือกที่ไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้า
ตัวแทนจำหน่าย
ค้นหาสินค้ายอดนิยมที่มีขายในตลาดอยู่แล้ว และนำเสนอขายใน Amazon แม้จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ของตนเอง
ค้นหาสินค้ายอดนิยมที่มีขายในตลาดอยู่แล้ว และนำเสนอขายใน Amazon แม้จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ของตนเอง
ผู้ขายสามารถเลือกโปรไฟล์ใดก็ได้ที่เหมาะกับธุรกิจออนไลน์และเป้าหมายในการขายสินค้า หากผู้ขายวางแผนที่จะขายสินค้าบน Amazon ในนามแบรนด์ของตนเอง ทางเรามีทรัพยากรและเครื่องมือมากมายที่จะอำนวยความสะดวกและเพิ่มกลยุทธ์การตลาดให้กับธุรกิจออนไลน์ และการส่งออกสินค้าของคุณ
เริ่มสมัครเป็นผู้ขาย
สมัครบัญชีผู้ขาย Amazon ได้ที่ Seller Central เว็บไซต์ที่ใช้จัดการบัญชีผู้ขาย คุณสามารถสร้างบัญชีด้วยอีเมลธุรกิจของคุณ และปฎิบัติตามขั้นตอนการสมัคร รวมทั้งเตรียมเอกสารยืนยันตัวตนทุกอย่างให้ครบถ้วน
วิดีโออธิบายขั้นตอนการสมัคร
หากผู้ขายติดปัญหาในขั้นตอนใด สามารถเข้าร่วมโปรแกรม JumpStart เพื่อให้ทีมงานจาก Amazon ช่วยให้การสมัครบัญชีขายของออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
เอกสารและข้อมูลสำหรับการสมัคร
1. อีเมล (Email Address)
ผู้ขายจะต้องเตรียมอีเมลที่เอาไว้ใช้สมัครบัญชีผู้ขาย เนื่องจากอีเมลเป็นข้อมูลที่ผู้ขายจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง ผู้ขายจึงควรใช้อีเมลที่ใช้ติดต่อได้
2. ข้อมูลรูปแบบธุรกิจ (Legal Name)
ผู้ขายจะต้องกรอกข้อมูลรูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ผู้ขายวางแผนที่จะขายใน Amazon ระหว่างแผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling) หรือแผนการขายแบบบุคคลทั่วไป (Individual Selling)
![icon: megaphone with sound coming out](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Small_Business_Day.png)
Company Business
การเปิดบัญชีในนามบริษัท (Company Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อบริษัทเป็นภาษาอังกฤษ
![icon: ascending line graph](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Verification_Certificate.png)
Individual Business
การเปิดบัญชีในนามบุคคล (Individual Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อและนามสกุลเป็น ภาษาอังกฤษ
3. ที่อยู่ (Address)
ผู้ขายจะต้องกรอกที่อยู่ของคุณเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากทาง Amazon เคร่งครัดกับการตรวจสอบตัวตนในการสร้างบัญชีธุรกิจออนไลน์ของผู้ขาย ที่อยู่ภาษาอังกฤษของคุณจะต้องตรงกับ Bank Statement ที่ยื่นให้กับ Amazon เพื่อให้ขั้นตอนการยื่นเอกสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น หากผู้ขายกรอกที่อยู่ที่ไม่ตรงกับ Bank Statement อาจส่งผลให้เอกสารของคุณไม่ผ่านการพิจารณาได้
4. บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต (Charge Method)
ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตมีไว้สำหรับตัดค่าธรรมเนียมแผนการขายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการขายของออนไลน์บน Amazon ผู้ขายสามารถใช้บัตรเครดิต/เดบิตอะไรก็ได้ไม่เจาะจงว่าจะเป็นในนามของใคร ผู้ขายกรุณาเตรียมข้อมูลในบัตรเครดิต/เดบิตต่อไปนี้:
1. หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
2. วันที่หมดอายุของบัตร
3. ชื่อและนามสกุลที่อยู่บนที่อยู่หน้าบัตรเป็นภาษาอังกฤษ
1. หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
2. วันที่หมดอายุของบัตร
3. ชื่อและนามสกุลที่อยู่บนที่อยู่หน้าบัตรเป็นภาษาอังกฤษ
5. บัญชีรับเงิน (Deposit Method)
เนื่องจาก Amazon สามารถโอนเงินให้ธนาคารที่อยู่ใน สหรัฐอเมริกา (US) เท่านั้น หากผู้ขายไม่มีบัญชีของประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจำเป็นต้องใช้บัญชีเสมือน (Virtual Account) ซึ่งเปรียบได้กับกระเป๋ารับเงินส่วนกลาง เพื่อใช้รับเงินจากยอดขายของท่านก่อนเปิดบัญชีผู้ขายของ Amazon ขณะนี้ โดยที่ผู้ขายมักจะใช้บริการบัญชีเสมือนเจ้าหลัก ๆ เช่น Payoneer:
6. ชื่อร้าน (Display Name)
ชื่อร้านค้าที่จะปรากฏบนหน้าเว็บ Amazon ต่อหน้าลูกค้า ผู้ขายสามารถตั้งชื่อร้านค้าของตนเองยังไงก็ได้ โดยไม่ต้องจดลิขสิทธิ์หรือยืนยันตัวตนของชื่อร้าน
7. เอกสารยืนยันตัวตน (Seller Identity Verification - SIV)
เนื่องจาก Amazon ต้องการตรวจสอบตัวตนบัญชีขายของผู้ขาย ดังนั้นผู้ขายจะต้องเตรียมเอกสารที่มืชื่อและที่อยู่ที่มีข้อมูลตรงกับรายละเอียดที่ผู้ขายได้กรอกไว้ตอนทำการเปิดบัญชีตามเอกสารด้านล่างนี้:
![](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Verification_Certificate.png)
• บัตรประชาชน (National ID Card): ชื่อบนบัตรประชาชนจะต้องตรงกับชื่อที่ใช้สมัครบัญชี (Legal Name) ผู้ขายจะต้องแสกนสำเนาบัตรประชาชนแบบเป็นสีทั้งหน้าและหลัง ให้อยู่ในคุณภาพที่ชัดเจนที่สุด ผู้ขายสามารถที่จะใช้สำเนาหนังสือเดินทางยืนยันตัวตนได้เช่นกัน หากผู้ขายเลือกที่จะส่งสำเนาหนังสือเดินทางในการยืนยันตัวตน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจในหนังสือเดินทางมีลายเซ็นต์ของเจ้าของหนังสือเดินทาง
![](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Pay_USD.png)
• Bank Statement หรือ Credit/Debit Card Statement: ชื่อเจ้าของ Bank Statement หรือ Credit/Debit Card Statement จะต้องตรงกับ Legal Name และที่อยู่ในเอกสารจะต้องตรงกับ Business Address ใน Seller Central ที่ผู้ขายต้องการรายละเอียดของเอกสารที่มีเงื่อนไขดังนี้
1. ชื่อ นามสกุล และที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ
2. เอกสารจะต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน
1. ชื่อ นามสกุล และที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ
2. เอกสารจะต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน
การกรอกข้อมูล Tax และบัญชีรับเงิน
หลังจากกรอกข้อมูลการสมัครเสร็จสิ้นแล้ว ลำดับถัดมาคือการกรอกข้อมูล Tax Information และการกรอกข้อมูลบัญชีสำหรับรับเงินจาก Amazon
การกรอกข้อมูล Tax Information
จากการประกาศกฎใหม่ของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับภาษี E-service ในกรณีที่ผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา อเมซอนจะเรียกเก็บ VAT 7% เพิ่มจากค่าธรรมเนียมการขาย (ค่าคอมมิชชั่น) ที่อเมซอนเก็บ (ไม่ใช่จากยอดขาย)
แต่หาก*ผู้ขายเป็นนิติบุคคล*โปรดกรอกรายละเอียด VAT ID ใน Account Info เพื่อที่ทางอเมซอนจะไม่เรียกเก็บเพิ่ม ทางบริษัทได้มีการจดทะเบียนกับสรรพากรไทยเป็นที่เรียบร้อยและจะจัดส่งข้อมูลมาให้รัฐบาลไทย
แต่หาก*ผู้ขายเป็นนิติบุคคล*โปรดกรอกรายละเอียด VAT ID ใน Account Info เพื่อที่ทางอเมซอนจะไม่เรียกเก็บเพิ่ม ทางบริษัทได้มีการจดทะเบียนกับสรรพากรไทยเป็นที่เรียบร้อยและจะจัดส่งข้อมูลมาให้รัฐบาลไทย
![](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Writing.png)
ขั้นตอนการกรอก Tax Interview
1. Log in เข้าสู่ Seller Central
2. ไปที่ Account Info ภายใต้การตั้งค่า
3. ไปที่หัวข้อ Tax Information และกด Update Tax Information
4. เลือกประเภทธุรกิจของคุณ
หากเป็นบุคคลธรรมดา สิ่งที่ต้องใช้ในการกรอกข้อมูลภาษี คือ ชื่อ-นามสกุล
หากเป็นนิติบุคคล สิ่งที่ต้องใช้ในการกรอกข้อมูลภาษีคือ ชื่อบริษัทและประเภทธุรกิจ
5. อย่าลืมระบุลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของคุณหลังจากกรอกข้อมูลสำเร็จแล้ว
การกรอกข้อมูลบัญชีรับเงิน
![](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AGS/SEA/RSEA/Paid_Services_USD.png)
ขั้นตอนการกรอกบัญชี สำหรับรับเงินบน Amazon
1. Log in เข้าสู่ Seller Central
2. ไปที่ Account Info ภายใต้การตั้งค่า
3. ไปที่หัวข้อ ข้อมูลการชำระเงิน (Payment Information) และเลือก วิธีการฝากเงิน (Deposit Methods)
4. เลือกตลาดปลายทาง หรือ Marketplace ที่คุณต้องการผูกบัญชีรับเงิน และกรอกเลขบัญชีได้เลย
สำหรับผู้ขายรายใหม่หรือผู้สนใจ