Amazon SEO: วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้าของคุณ (คำแนะนำแบบทีละขั้นตอน)

วิธีการปรับปรุงการมองเห็นสินค้าของคุณโดยการเพิ่มประสิทธิภาพรายการที่จะแสดงในการค้นหาบน Amazon.com โดยเราจะกล่าวถึงหัวข้อสำคัญต่างๆ เช่น

* เหตุใด Amazon SEO จึงมีความสำคัญ
* วิธีการทำงานของ Amazon SEO
* เพิ่มประสิทธิภาพรายการบน Amazon ของคุณใน 7 ขั้นตอน
* แนวทางปฏิบัติทั่วไป 5 ประการสำหรับ Amazon SEO

Amazon SEO คืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญ?

การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ของ Amazon เป็นกระบวนการของการเพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้าเพื่อช่วยให้การธุรกิจของคุณมีอันดับที่สูงขึ้นในการค้นหาสินค้าบน Amazon.com ขั้นตอนง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถปรับปรุงรายการสินค้าสำหรับการค้นหาสินค้า เพิ่มยอดขาย และช่วยให้ผู้ซื้อค้นพบแบรนด์ของคุณ
ในฐานะที่เป็นผู้ขายออนไลน์บน Amazon คุณสามารถใช้กลยุทธ์ SEO เพื่อทำสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้

* เพิ่มปริมาณการเข้าชมรายการสินค้า
* เพิ่มการมองเห็นสินค้าและแบรนด์
* เพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันและการเติบโตของยอดขาย
computer icon with Amazon Smile logo

เรียนรู้คำศัพท์: อัตราคอนเวอร์ชัน

คอนเวอร์ชันมาจากการดำเนินการของผู้ซื้อ อัตราคอนเวอร์ชันเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้สนใจซื้อที่ได้ดำเนินการซื้อจนเสร็จสมบูรณ์จากจำนวนของผู้เข้าชมทั้งหมด
เมื่อผู้เข้าชมมากขึ้นดำเนินการซื้อสินค้าสำเร็จ อัตราคอนเวอร์ชันจะสูงขึ้น ใช้อัตราคอนเวอร์ชันเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญ (KPI) สำหรับการวัดผลที่ได้จากความพยายามด้าน SEO ของคุณ

วิธีการทำงานของ Amazon SEO

1. ช่องค้นหาของ Amazon

ผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าโดยการพิมพ์คำหรือวลีลงในช่องค้นหาที่อยู่ด้านบนของหน้าแรกของ Amazon.com ผู้ซื้อออนไลน์สามารถใช้ช่องค้นหาของ Amazon เพื่อค้นหาสินค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยเมนูแบบเลื่อนลงของแผนก นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังมีตัวเลือกในการพิมพ์คีย์เวิร์ดทั่วไปอีกด้วย Amazon จะดึงข้อมูลผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับคำหรือวลี และลูกค้าอาจปรับแต่งการค้นหาเพื่อช่วยจำกัดผลการค้นหาให้แคบลงได้

2. ตัวกรองการค้นหา

ขณะค้นหาสินค้า ลูกค้าสามารถใช้ตัวกรองต่างๆ เพื่อแสดงรายการผลการค้นหาตามลำดับที่เฉพาะเจาะจง เช่น:

* แผนก
* สินค้าขายดี (สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตามยอดขาย)
* สินค้าออกใหม่หรือรุ่นใหม่
* สินค้าแนะนำ
* รีวิวจากลูกค้า
* Movers and Shakers (ทำอันดับการขายได้ดีที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมง)
* ราคาสูงหรือต่ำ
* เนื้อหาดิจิทัลและอุปกรณ์ต่างๆ
* โปรแกรมและคุณสมบัติ (เช่น Subscribe & Save, Small & Medium Businesses และอื่นๆ)

3. หน้าผลการค้นหา

ปัจจัยที่สามารถช่วยในการระบุผลการค้นหา ได้แก่

* ชื่อสินค้า
* คำบรรยายสินค้า
* ภาพที่ดึงดูดความสนใจ
* คุณสมบัติของสินค้า
* ราคาที่แข่งขันได้

คุณสามารถใช้ SEO เพื่อปรับปรุงแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้เพื่อเพิ่มอันดับของคุณในผลการค้นหาของ Amazon สำรวจส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่อดูรายละเอียด

4. Sponsored Products

Sponsored Products เป็นต้นทุนต่อคลิก (CPC) ที่ผู้ขายโฆษณาสามารถใช้ในการส่งเสริมรายการสินค้าของแต่ละรายการในร้านค้า Amazon และพร้อมใช้งานสำหรับผู้ขายออนไลน์ที่ลงทะเบียนบัญชีผู้ขายแผนการขายแบบมืออาชีพไว้ใน Amazon Brand Registry โฆษณาจะปรากฎในผลการเลือกซื้อสินค้าและในหน้ารายละเอียดสินค้า
Amazon จะสร้างและจับคู่โฆษณากับคำค้นหาในการช้อปปิ้งโดยอัตโนมัติ Sponsored Products สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ซื้อที่มีความตั้งใจสูงซึ่งกำลังมองหาสินค้าที่คล้ายกับสินค้าที่คุณได้ลงรายการไว้
ทราบหรือไม่
แดชบอร์ดคุณภาพรายการสินค้าเป็นเครื่องมือในศูนย์ผู้ขายซึ่งจะเน้นข้อมูลสินค้าเด่น แดชบอร์ดจะแสดงรายการสินค้าซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงและให้คำแนะนำเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าที่ควรระบุ

5. อันดับการขายของ Amazon

Amazon ให้คะแนนแก่ผู้ขายออนไลน์ทั้งหมดตามการวัดประสิทธิภาพของผู้ขาย เช่น การตรวจสอบสถานภาพของบัญชี ราคาสินค้า และปัจจัยอื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งอันดับสูงเท่าไร คุณก็ยิ่งมีศักยภาพในการขายมากเท่านั้น ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของอันดับการขาย

เพิ่มประสิทธิภาพรายการบน Amazon ของคุณใน 7 ขั้นตอน

ให้คิดว่า SEO เป็นกลยุทธ์การตลาดโดยเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ช่วยให้คุณมีส่วนร่วมกับลูกค้า 300 ล้านคนของ Amazon
โดยเริ่มจากการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางอีคอมเมิร์ซที่กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเน้นความพยายามในรายการสินค้าได้ 7 ส่วนดังต่อไปนี้

* คีย์เวิร์ด
* ภาพสินค้า
* ชื่อสินค้า
* ราคาสินค้า
* คำบรรยายสินค้า
* คุณสมบัติที่สำคัญ (Bullet Points)
* คีย์เวิร์ดสำหรับการค้นหาแบ็กเอนด์

ลองดูรายละเอียดของวิธีการปรับปรุงแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้สำหรับรายการสินค้าจากมุมมองด้าน SEO

ขั้นตอนที่ 1: ดำเนินการวิจัยคีย์เวิร์ด

รวบรวมรายการคีย์เวิร์ดที่ครอบคลุม คีย์เวิร์ดเป็นคำและวลีที่ผู้คนมองหาเมื่อค้นหาบางสิ่งออนไลน์ ลองนึกถึงสินค้าที่คุณนำเสนอและมองจากมุมของลูกค้า ลูกค้าจะพิมพ์คำหรือวลีใดลงในช่องค้นหาของ Amazon เพื่อค้นหาสินค้าที่ต้องการ
เมื่อมองการขายด้วยมุมมองนี้ คุณก็จะเริ่มเห็นรูปแบบว่าลูกค้าจะหาสินค้าที่เหมือนของคุณได้อย่างไร หากต้องการทราบว่าควรนำคีย์เวิร์ดใดมาใช้กับกลยุทธ์ SEO ของคุณ เพื่อเพิ่มยอดขายในธุรกิจออนไลน์ของคุณ ให้ลองใช้แนวคิดเหล่านี้:

* พิมพ์คำและวลีต่างๆ ลงในช่องค้นหาของ Amazon จากนั้น ให้ดูที่คำแนะนำแบบดรอปดาวน์ และเริ่มรวบรวมรายการคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการที่คล้ายกัน
* ใช้ผลการค้นหาของคู่แข่งขันเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับรายการสินค้าของคุณเอง ทดลองกับการค้นหาที่คล้ายกันบน Amazon.com เพื่อดูว่ามีสินค้าใดแล้วบ้าง จากนั้นเปรียบเทียบคำค้นหาสินค้า
* สำรวจรายการที่ Amazon แนะนำและหมวดหมู่สินค้าที่เกี่ยวข้องเพื่อดูไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติม
* ในขณะที่รวบรวมรายการ ให้นึกถึงในแง่ของคีย์เวิร์ดแบบเจาะจงและแบบกว้าง
* คีย์เวิร์ดแบบเจาะจงจะค่อนข้างเฉพาะเจาะจง คำเหล่านี้มักจะมีปริมาณการค้นหาต่ำ มีการแข่งขันต่ำ และอาจมีอัตราคอนเวอร์ชันที่สูงขึ้นเนื่องจากลูกค้ามักจะรู้ว่ากำลังมองหาอะไร
* คีย์เวิร์ดแบบกว้างคือการค้นหาที่กว้างขึ้น ซึ่งโดยปกติจะมีปริมาณการค้นหาสูงและมีการแข่งขันสูง คำเหล่านี้อาจมีคอนเวอร์ชันที่ต่ำกว่าเนื่องจากลูกค้ากำลังเรียกดูตัวเลือกที่แตกต่างกัน
* คุณลักษณะการเติมข้อความอัตโนมัติในช่องค้นหาของ Amazon เป็นวิธีที่ดีสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดแบบเจาะจงยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ
computer icon with Amazon Smile logo

เรียนรู้คำศัพท์: คีย์เวิร์ดแบบเจาะจงและแบบกว้าง

คีย์เวิร์ดแบบ Short Tail มักจะเป็นคำค้นหาในวงกว้าง คำเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีปริมาณการค้นหาที่สูงกว่า ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ดแบบ Broad Match เช่น “แหวนหมั้น” “หมอน” หรือ “กางเกงโยคะ”

คีย์เวิร์ดแบบ Long Tail จะมีความซับซ้อนมากขึ้น และเป็นวลีค้นหาที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างบางส่วนเช่น “แหวนหมั้นทองคำเพชรแบบสั่งทำ” “หมอนโฟมธรรมชาติล้วนสำหรับคนนอนตะแคง” หรือ “กางเกงโยคะห้าส่วนสีดำทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิก”

คีย์เวิร์ดทั้งสองประเภทมีความมีความสำคัญต่อกลยุทธ์การทำ SEO ของคุณ ลูกค้าที่พิมพ์คีย์เวิร์ดแบบเจาะจงมักมองหาสินค้าที่เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ คุณสามารถใช้คีย์เวิร์ดแบบเจาะจงเพื่อจับคู่กับการซื้อสินค้าเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น คีย์เวิร์ดแบบกว้างสามารถเพิ่ม Brand Awareness ให้กับแบรนด์ของคุณได้ แต่ก็ถือเป็นความท้าทายในการติดอันดับสำหรับคำเหล่านี้เฉพาะเจาะจงน้อยกว่า และมีการแข่งขันสูงกว่า

ขั้นตอนที่ 2: ปรับชื่อสินค้าให้เหมาะสม

ในการขายของออนไลน์ คุณมีเวลาเพียงน้อยนิดในการดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ ชื่อสินค้า (ชื่อสินค้า) เป็นหนึ่งในช่องข้อมูลหลักที่ Amazon และเครื่องมือค้นหาใช้เพื่อวัดความเกี่ยวข้องของหน้ารายละเอียดเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาของลูกค้า คุณสามารถทำบางอย่างเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกชื่อสินค้าได้ดังนี้

* ชื่อสินค้าของคุณควรตรงกับสิ่งที่จะอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าจริงของคุณ
* ใส่ใจกับความยาวของชื่อ เราขอแนะนำความยาวอักขระประมาณ 60 ตัวและไม่เกิน 80 ตัว ชื่อที่ยาวทำให้อ่านได้ยากกว่าชื่อที่สั้น ยิ่งชื่อสินค้ายาวมากเท่าใด ความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
* ใส่ใจกับความยาวชื่อที่แตกต่างกันพร้อมกับรูปแบบชื่อที่ต้องการสำหรับรายการในแต่ละหมวดหมู่สินค้า
* ห้ามใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด อักษรตัวแรกของแต่ละคำใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ ยกเว้นคำบุพบท (in, on, over, with), คำสันธาน (and, or, for) หรือคำนำหน้า (the, a, an)
* ขึ้นต้นชื่อสินค้าด้วยชื่อแบรนด์ของสินค้าเป็นการเพิ่มเติมเพื่อรับรองว่าจะมีข้อมูลในช่องชื่อแบรนด์
* ใช้ตัวเลข “2” แทน “สอง”
* อย่าใช้อักขระภาษา ASCII เช่น Æ, ©, หรือ ®
* ชื่อควรประกอบด้วยข้อมูลอย่างน้อยที่จำเป็นต่อการระบุถึงสินค้าโดยไม่มีข้อมูลอื่นเพิ่มเติม
* ห้ามใช้ความเห็นเชิงอัตนัย เช่น “สินค้ามาแรง” หรือ “สินค้าขายดี”
* ชื่ออาจประกอบด้วยเครื่องหมายวรรคตอนที่จำเป็น เช่น ยัติภังค์ (-) เครื่องหมายทับไปข้างหน้า (/) เครื่องหมายจุลภาค (,) เครื่องหมายแอนด์ (&) และจุด (.)
* ชื่อสามารถใช้หน่วยวัดเป็นตัวย่อได้ เช่น “ซม.”, “ออนซ์”, “นิ้ว” และ “กก.”

โดยทั่วไปแล้ว ให้ตรวจสอบข้อกำหนดของชื่อสินค้าและปฏิบัติตามเกณฑ์เพื่อแสดงในการค้นหาที่เกี่ยวข้องและหลีกเลี่ยงการระงับการค้นหา

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มประสิทธิภาพคำอธิบายสินค้า

ใช้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าและการใช้สินค้าในคำอธิบายสินค้าคุณภาพสูงเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหา ประเมิน และซื้อสินค้าได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเน้นข้อมูลสินค้าที่เฉพาะเจาะจงซึ่งไม่ได้อยู่ที่อื่นในรายการ
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการสร้างคำอธิบายสินค้าที่มีคุณภาพสูง:

* ระบุชื่อแบรนด์
* ระบุขนาด เช่น ขนาดรองเท้า
* ระบุประเภทวัสดุ เช่น ผ้าใบสำหรับกระเป๋าเป้สะพายหลัง
* กล่าวถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เช่น สี บรรจุภัณฑ์ และปริมาณ

โดยทั่วไปแล้ว อย่าลืมว่าแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับคุณภาพรายการสินค้า และตรวจสอบแนวทางการลงรายการสินค้าเพื่อดูนโยบาย กฎ และข้อจำกัดที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ คุณควรทำการประเมินสินค้าอย่างรอบคอบก่อนที่จะระบุสภาพสินค้า และอย่าลืมตรวจสอบนโยบายเกี่ยวกับสภาพสินค้าสำหรับสินค้าที่ยอมรับไม่ได้และต้องห้าม
เคล็ดลับผู้ขาย: ในการขายออนไลน์บน Amazon แบบใช้ช่องแบรนด์ แม้แบรนด์จะปรากฎในชื่อ คำอธิบาย และ Bullet Points อยู่แล้ว คุณก็ควรระบุข้อมูลไว้ในช่องแบรนด์ด้วย หากลูกค้ากรองการค้นหาตามแบรนด์และรายการสินค้าของคุณไม่มีการกำหนดแบรนด์ แม้ว่าจะรวมอยู่ในคำบรรยาย แต่ลูกค้าก็อาจไม่พบรายการสินค้าของคุณเลย
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คำอธิบายสินค้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการค้นพบสินค้า
รับชม: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพหน้ารายละเอียดของ Amazon

ใช้ A+ Content


A+ Content (ก่อนหน้านี้เรียกว่าเนื้อหาแบรนด์ที่ได้รับการปรับปรุง) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถอธิบายคุณสมบัติของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยการรวมเรื่องราวของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ รูปภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการวางข้อความซึ่งอาจส่งผลให้อัตราคอนเวอร์ชันสูงขึ้น ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้เครื่องมือจัดการการทดลองของคุณ

การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณด้วยเครื่องมือจัดการการทดลองของคุณสามารถช่วยผลักดันยอดขายต่อปีเพิ่มขึ้น $15K โดยเฉลี่ย เปรียบเทียบรูปภาพสินค้า ชื่อ และ A+ Content ที่แตกต่างกันเพื่อดูว่าเนื้อหาใดมีประสิทธิภาพดีกว่า เรียกใช้การทดสอบ A/B เพื่อดูว่าเนื้อหาใดผลักดันยอดขายมากขึ้น
รับชม: เรียกใช้การทดสอบ A/B บนเนื้อหาของคุณ
เรียนรู้คำศัพท์: การทดสอบ A/B
การทดสอบ A/B (หรือเรียกกันว่าการทดสอบแยก) ช่วยให้คุณเปรียบเทียบเนื้อหาสองแบบเพื่อให้คุณสามารถดูได้ว่าเนื้อหาแบบใดมีประสิทธิภาพดีกว่า คุณสามารถใช้การทดสอบ A/B เพื่อเรียนรู้วิธีสร้างเนื้อหาที่ดียิ่งขึ้นและเป็นที่สนใจของลูกค้า ทั้งยังช่วยผลักดันยอดขายในการขายของออนไลน์ให้มากขึ้นอีกด้วย
ดูเพิ่มเติม: การทดลองกับการทดสอบ A/B

ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติหลักของสินค้า

คุณสมบัติหลัก (Bullet Points) ยังเป็นปัจจัยในความเกี่ยวข้องของหน้ารายละเอียด โดยเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาลูกค้า Bullet Points ที่เขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีคีย์เวิร์ดโดยธรรมชาติ แต่ควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่ชัดเจนและการช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเป็นอันดับแรก วิธีหนึ่งคือการเริ่มต้น Bullet Points ด้วยคุณสมบัติ แล้วจึงระบุประโยชน์ต่างๆ ของคุณสมบัตินั้น
Bullet Points ที่ชัดเจนและกระชับมีความเหมาะสมที่สุด คุณสามารถใช้แนวทางดังต่อไปนี้เมื่อคุณเขียน Bullet Points:

* เพิ่ม Bullet Points ได้สูงสุดห้าข้อให้กับสินค้าแต่ละรายการ
* Bullet Points ควรมีความยาวอักขระไม่เกิน 1,000 ตัว (สำหรับทั้งห้า Bullet Points ไม่ใช่ต่อหัวข้อหนึ่ง) แนวทางนี้ช่วยปรับปรุงความสามารถในการอ่าน Bullet Points ไม่จำเป็นต้องทำดัชนีโดยการค้นหาของ Amazon ทุกครั้ง แต่ต้องปรากฏบนหน้ารายละเอียดสินค้าอย่างครบถ้วนเสมอ
* เน้นย้ำคุณสมบัติหลักห้าประการที่คุณต้องการให้ลูกค้าพิจารณา เช่น ขนาด ความเหมาะสมตามอายุ สภาพที่เหมาะสมสำหรับสินค้า ระดับทักษะ เนื้อหา ประเทศต้นทาง และอื่นๆ
* เรียบเรียงข้อมูลให้สอดคล้องกัน หาก Bullet Points แรกของคุณคือประเทศต้นทาง ให้ใช้ลำดับเดียวกันนั้นสำหรับสินค้าทั้งหมดของคุณ
* ย้ำข้อมูลที่สำคัญจากชื่อและคำบรรยาย
* ขึ้นต้นแต่ละ Bullet Points ด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่
* เขียนด้วยประโยคที่ไม่สมบูรณ์และไม่ต้องใส่เครื่องหมายจบประโยค
* ห้ามใส่ข้อมูลโปรโมชั่นและราคา
* ขอให้ปฏิบัติตามกฎและนโยบายของหน้ารายละเอียดสินค้าทั้งหมด

ตัวอย่างคุณสมบัติหลักของสินค้า

นี่คือตัวอย่างของ Bullet Points พื้นฐานที่เป็นไปตามแนวทางในการอธิบายชุดของอุปกรณ์กันฝน:

* หมวกคลุมแบบปรับสายรัดได้และข้อมือแบบปรับเดือยล็อกได้เพื่อป้องกันไม่ให้เปียกฝน
* กว้างพอดี สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับทุกฤดูกาล
* กันน้ำ 100% เพื่อการป้องกันเมื่อเกิดฝนตก
* ระบายอากาศได้ดีเพื่อให้คุณเย็นสบายในสภาพอากาศชื้น
* มีให้เลือกทั้งสีกากี สีเหลือง หรือสีเขียว

นอกจากแนวทางทั่วไปเหล่านี้แล้ว แต่ละประเภทมีแนวทางที่กำหนดไว้เป็นเทมเพลตอยู่แล้ว หากต้องการดูเพิ่มเติม ให้ดาวน์โหลดคู่มือรูปแบบสำหรับหมวดหมู่ของคุณจากตารางเทมเพลตไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดได้ในหน้าเทมเพลตสินค้าคงคลังสำหรับหน้าหมวดหมู่สินค้า (ต้องเข้าสู่ระบบศูนย์ผู้ขาย)
เคล็ดลับผู้ขาย: เหตุใด Bullet Points จึงสำคัญ
Bullet Points ช่วยคุณนำเสนอคุณสมบัติและประโยชน์ต่างๆ ของสินค้าของคุณ ลูกค้าจะใช้ Bullet Points เพื่อทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติหลักของสินค้า เนื่องจาก Bullet Points ในการขายออนไลน์แสดงให้เห็นว่าสินค้าของคุณมีความสำคัญ หรือมีลักษณะที่ต่างไปจากสินค้าอื่นๆ อย่างไร Bullet Points ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า: การทดสอบแสดงให้เห็นว่า Bullet Points ที่เขียนมาดีช่วยเพิ่มยอดขายขึ้นได้

ขั้นตอนที่ 5: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพสินค้า

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากในการขายของออนไลน์คือรูปภาพสินค้า ภาพที่มีคุณภาพเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินและเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักได้ด้วยการเข้าชม รูปภาพต่างๆ ช่วยให้ลูกค้าเห็นสินค้าจากมุมที่แตกต่างกัน และสามารถชักชวนให้ลูกค้าเลือกผลการค้นหาอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าอีกผลการค้นหาหนึ่งได้ ภาพสินค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยกระตุ้นจินตนาการของลูกค้าและสร้างแรงบันดาลใจให้ซื้อสินค้า
ภาพควรแสดงสินค้าขณะใช้งาน แสดงมุมต่างๆ และเน้นให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ต่อไปนี้คือปัจจัยอีกสองสามข้อที่ควรคำนึงถึงเกี่ยวกับรูปภาพ:

* หน้ารายละเอียดทุกหน้าต้องมีรูปภาพสินค้าอย่างน้อยหนึ่งภาพ ควรใช้ภาพ 6 ภาพและวิดีโอ 1 รายการ
* ภาพควรมีความชัดเจน ให้ข้อมูลครบถ้วน และน่าสนใจ
* ภาพควรมีพื้นหลังสีขาวและใช้พื้นที่ภาพอย่างน้อย 85%
* ใช้ 500 x 500 หรือ 1000 x 1,000 พิกเซลเพื่อเพิ่มคุณภาพรายการสินค้า

ประเมินคุณภาพของภาพตามแนวทางเหล่านี้:

* ภาพตรงกับขนาด สี และความชัดเจน ในคำบรรยายสินค้า
* มองเห็นสินค้าได้อย่างชัดเจน
* ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ใช่ภาพวาด
* รูปภาพนั้นถ่ายด้วยมุมตรง
* สินค้าอยู่ในจุดโฟกัสและมีแสงสว่างที่เพียงพอ
* ภาพถ่ายระยะใกล้ไม่ถูกบดบังด้วยแสงหรือเงา
* สินค้าทั้งชิ้นถูกแสดงให้เห็นในภาพ
* พื้นหลังเรียบง่ายสะอาดตาเพื่อไม่ให้ดึงความสนใจไปจากสินค้า
* ควรแสดงภาพแบบต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สินค้าหลายหมวดหมู่อนุญาตให้ใส่ภาพตัวอย่างสินค้าย่อยและภาพสินค้าแบบอื่นๆ ได้

นอกจากนี้ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานเว็บไซต์และข้อกำหนดเกี่ยวกับรูปภาพสินค้าทั้งหมด รูปภาพที่คุณอัปโหลดควรเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคของไฟล์ หากพบปัญหา ให้ตรวจสอบที่ปัญหาเกี่ยวกับรูปภาพและการแก้ไขปัญหารูปภาพ
หากสร้างภาพเอง คุณอาจพบว่าสินค้าสำหรับการสร้างภาพแบบบริการตนเอง และวิดีโอการถ่ายภาพของเราเป็นประโยชน์
หากคุณทำธุรกิจขายเสื้อผ้า ให้ดาวน์โหลดคู่มือรูปแบบสำหรับรูปภาพเพื่อตรวจสอบข้อกำหนดระหว่างหมวดหมู่สินค้า เรียนรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ และดูตัวอย่าง
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพในแอป Amazon Seller
คุณสามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพด้วยแอป Amazon Seller สำหรับรูปภาพรายการสินค้า Amazon ของคุณ เข้าถึงคุณสมบัติการถ่ายภาพและตัดต่อเมื่อคุณอัปเดตรูปภาพรายการสินค้าหรือจากตัวเลือก Product Photo Studio ในเมนูแบบดรอปดาวน์ด้านซ้ายบน คุณสมบัตินี้มีการปรับการเปิดรับแสง/ความสว่าง การครอบตัด และการเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีขาวทั้งด้วยตัวเองและโดยอัตโนมัติ
ดูเครื่องมือสตูดิโอถ่ายภาพแบบพกพาของ Amazon และสินค้าได้ที่นี่
รับชม: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพโดยใช้แอป Amazon Seller

ขั้นตอนที่ 6: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับคำค้นหาของสินค้า

คำค้นหาเป็นคีย์เวิร์ด back end ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีส่วนร่วมและสามารถอ่านได้สำหรับหน้าสินค้า ในขณะที่ยังคงมั่นใจว่า Amazon จะจัดทำดัชนีคีย์เวิร์ดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ผู้ซื้อจะไม่เห็นคีย์เวิร์ดเหล่านี้ ดังนั้นการเพิ่มคีย์เวิร์ดลงใน “back end” ของรายการสินค้า จึงช่วยให้คุณเพิ่มการค้นพบสินค้าอีกด้วย
เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพคำค้นหาของคุณ:

* ใช้เฉพาะคำทั่วไป
* ใช้คำพ้องความหมาย ตัวย่อ และชื่อทางเลือกอื่นๆ ของสินค้า
* อย่าให้ความยาวเกินขีดจำกัด คุณมีพื้นที่น้อยกว่า 250 ไบต์ ขอให้ลดการใช้อักขระที่ไม่จำเป็น ไม่นับรวมช่องว่างและเครื่องหมายวรรคตอน ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ ขีดจำกัด และตัวเลือกของคีย์เวิร์ด
* เมื่อป้อนวลี ให้พิมพ์ตามลำดับการค้นหาเชิงตรรกะ
* ใช้รูปแบบการสะกดคำต่างๆ (หากมี) แต่ไม่ควรระบุคำที่ตั้งใจสะกดผิดลงไป
* ใช้ตัวย่อและชื่ออื่นๆ
* คุณใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดได้
* คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องหมายวรรคตอนใดๆ ไม่ต้องใช้ยัติภังค์ (-) เครื่องหมายทวิภาค (:) และอื่นๆ
* แยกคำต่างๆ ด้วยการเว้นวรรคเท่านั้น
* ไม่ใส่คำซ้ำลงไปภายในช่องคำค้นหา
* ไม่จำเป็นต้องใช้คำเชื่อม Stop words เช่น "และ" "โดย" "สำหรับ" "ของ" "กับ" และอื่นๆ
* ใช้รูปแบบเอกพจน์หรือพหูพจน์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งสองอย่าง

ทำความรู้จักกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับคำค้นหาของ Amazon และหลีกเลี่ยงคำค้นหาต้องห้าม

วิธีการเพิ่มคำค้นหาผ่านบัญชีศูนย์ผู้ขาย Amazon:

* ลงชื่อเข้าใช้บัญชีศูนย์ผู้ขาย Amazon
* ในส่วนสินค้าคงคลัง ให้ไปที่จัดการสินค้าคงคลัง
* ค้นหารายชื่อที่คุณต้องการเพิ่มคีย์เวิร์ดสำหรับแบ็กเอนด์และคลิกแก้ไข
* เลือกแท็บคีย์เวิร์ด
* ป้อนคีย์เวิร์ดของคุณในช่องคำค้นหาและบันทึก

เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: ใช้รายงานคำค้นหาของ Amazon
รายงานคำค้นหาของ Amazon จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายออนไลน์ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ รายงานนี้แสดงให้เจ้าของแบรนด์เห็นวิธีที่ลูกค้า (โดยรวม) ค้นหาสินค้าที่มีแบรนด์และสินค้าคู่แข่งในร้านค้า Amazon โดยจะแสดงคำค้นหายอดนิยมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด อันดับความถี่ในการค้นหาของแต่ละคำ และสินค้า 3 อันดับแรกที่ลูกค้าคลิกหลังจากค้นหาคำดังกล่าว
ดูเพิ่มเติม: เข้าถึงรายงานคำค้นหาของ Amazon

ขั้นตอนที่ 7: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับราคาสินค้า

ราคาของสินค้ามีอิทธิพลต่ออัตราคอนเวอร์ชันและการเติบโตของยอดขาย ในการกำหนดราคาสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ ให้วิเคราะห์การแข่งขันและดำเนินการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ราคาเพื่อพัฒนาจุดราคาที่น่าสนใจภายในตลาดเฉพาะกลุ่มธุรกิจของคุณ
คุณรู้หรือไม่ว่าสามารถปรับราคาสินค้าได้โดยอัตโนมัติ กำหนดราคาอัตโนมัติช่วยให้คุณสามารถปรับราคาของ SKU ในแค็ตตาล็อกของคุณได้โดยอัตโนมัติ เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ราคาข้อเสนอพิเศษ โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ SKU ทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนราคาสินค้า
รับชม: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการกำหนดราคาอัตโนมัติ
วิธีดังต่อไปนี้ช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพราคาสินค้าได้
พิจารณาค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
การเสนอการจัดส่งฟรีอาจช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมากในการขายออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงสินค้าที่ราคาไม่แพง ตัวอย่างเช่น ค่าจัดส่ง $5 สำหรับสินค้ามูลค่า $5-10 ฟังดูไม่ดึงดูดใจมากพอ และอาจทำให้ลูกค้ามองข้ามข้อเสนอของคุณ
สื่อสารนโยบายการจัดส่งสินค้าให้ชัดเจน เช่น ค่าใช้จ่ายและเวลาการจัดส่ง ใช้หน้าข้อมูลและนโยบายของคุณเพื่อเพิ่มข้อมูลที่คุณระบุไว้ในการตั้งค่าการจัดส่ง
เปรียบเทียบราคา
คุณสมบัติ “เปรียบเทียบราคานอก Amazon” จะพร้อมใช้งานเมื่อคุณสร้างกฎ “การแข่งขัน Buy Box” หรือกฎ “ราคาที่ต่ำกว่าซึ่งแข่งขันได้” ซึ่งให้คุณสามารถจับคู่ “ราคาที่แข่งขันได้” โดยอัตโนมัติและเพิ่มโอกาสได้รับการแนะนำใน Buy Box
ลองใช้การทดสอบ A/B ด้วยจุดราคา
คุณสามารถเรียกใช้การทดสอบ A/B(หรือเรียกว่าการทดสอบแยก) ในจุดราคาเพื่อดูว่าการนำเสนอสินค้าในราคาที่แตกต่างกันสามารถสร้างความแตกต่างในยอดขายได้ ลองใช้การทดสอบ A/B ที่มีราคาไปพร้อมกับการจัดการการทดลองของคุณ
ติดตามอันดับของคุณ
ติดตามอันดับสินค้าของคุณบนแดชบอร์ดแบรนด์และจัดการรีวิวสินค้า รีวิวในเชิงบวกจะช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของคุณ ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำให้ได้รับความคิดเห็นและคะแนนในเชิงบวก
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำจำกัดความของราคาและรายการราคา
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: พึ่งพา Brand Analytics
ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลและกลยุทธ์ด้วยคำค้นหาแบบรวมและรายงานคำค้นหาใน Amazon Brand Analytics คุณสมบัตินี้ยังช่วยให้คุณวัดผลของแคมเปญโฆษณา ข้อมูลประชากร และข้อมูลที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ ได้
รับชมเลย: วิธีการทำงานของ Amazon Brand Analytics

แนวทางปฏิบัติทั่วไป 5 ประการสำหรับ Amazon SEO

1. อย่าใช้คีย์เวิร์ดซ้ำ

* มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ในเชิงบวกให้กับลูกค้า เขียนอย่างเป็นธรรมชาติและเน้นการให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
* การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำ (หรือเรียกว่าการใส่คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อน) อาจลดประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อคุณเอง
computer icon with Amazon Smile logo

เรียนรู้คำศัพท์: การใส่คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อน

การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อนคือการใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันซ้ำไปมาในเนื้อหาของคุณ การดำเนินการเช่นนี้จะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเนื่องจากทำให้ลูกค้าพบสินค้าที่พวกเขากำลังมองหาได้ยาก แม้จะเป็นแนวทางการทำ SEO ที่ยอมรับได้มาก่อนก็ตาม การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อนคือการทำ SEO ที่ไม่ดี และตอนนี้ก็อาจส่งผลให้ได้รับบทลงโทษและสูญเสียลูกค้าที่สนใจซื้อ

2. เน้นข้อความขายกับลูกค้า

* ตอบคำถามผู้ขายและการสอบถามสินค้าที่ได้รับก่อนหน้าในหน้าสินค้าของคุณ
* ลองคาดการณ์และมเน้นสิ่งที่ลูกค้าอาจต้องการทราบเกี่ยวกับสินค้าเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณต้องการบอกสำหรับสินค้านี้

3. ช่วยปรับปรุงอันดับของคุณ

* เสนอการจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
* ใช้ A+ Content โดยการลงทะเบียนใน Brand Registry
* ร่วมเป็นผู้ขาย Amazon Prime เมื่อคุณลงทะเบียนใน FBA เพื่อมีสิทธิ์ได้รับป้าย Prime และการจัดส่งฟรีที่รวดเร็ว สิทธิพิเศษนี้สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าที่ค้นหาสินค้าที่มีป้าย Prime โดยเฉพาะเป็นประจำ

4. ใช้เคล็ดลับรูปแบบเบื้องต้นเหล่านี้สำหรับรายการสินค้า

* บรรยายให้ครบถ้วน แต่ชัดเจนและกระชับ
* ใช้สำนวนโน้มน้าว แต่ไม่เร่งเร้าหรือใช้ลูกเล่น
* บรรยายให้ถูกต้องและซื่อตรงเมื่อพูดถึงสภาพและคุณภาพของสินค้า
* หลีกเลี่ยงการกล่าวอ้างเกินจริงหรืออ้างอิงตามความรู้สึก

5. ดาวน์โหลด

คู่มือรูปแบบสำหรับผู้ขายฉบับเร่งด่วนของ Amazon
สร้างหน้ารายละเอียดสินค้าที่ยอดเยี่ยมโดยทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงและการจัดรูปแบบที่สม่ำเสมอกันสำหรับส่วนต่างๆ ดังต่อไปนี้

* ชื่อ การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวเลข
* ชื่อแบรนด์ เครื่องหมายการค้า และสัญลักษณ์
* สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำสำหรับรายละเอียดคุณสมบัติหลัก (Bullet Points)
* สิ่งที่ควรระบุและไม่ควรระบุไว้ในคำอธิบายสินค้า
* เคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปภาพและวิธีหลีกเลี่ยงการแจ้งเตือนคุณภาพสำหรับรายการสินค้า

การปรับปรุงแนวทางการทำ Amazon SEO จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณสามารถผลักดันการมองเห็นสินค้า ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อกับลูกค้ามากขึ้น และเพิ่มยอดขาย

คำถามที่พบบ่อย: FBA สำหรับผู้เริ่มต้น

Amazon SEO คืออะไร?
เมื่อผู้ซื้อค้นหาใน Amazon คุณจะต้องทำให้รายการสินค้ามองเห็นได้ง่ายในผลการค้นหาเหล่านั้น การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ของ Amazon เป็นวิธีการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเข้าชมรายการสินค้าด้วยผลการค้นหาออร์แกนิก
การดำเนินการปรับปรุง SEO ในการขายออนไลน์ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากขึ้น เพิ่มการเข้าชมรายการสินค้ามากขึ้น เพิ่มการมองเห็นสินค้า เพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันที่สูงขึ้น เลื่อนอันดับการค้นหา และเพิ่มยอดขาย
คุณจะเพิ่มอันดับ Amazon ได้อย่างไร?
มีหลายวิธีในการเพิ่มอันดับ Amazon การรักษามาตรฐานของ Amazon จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการเชื่อมต่อกับผู้ที่สนใจซื้อ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งอันดับสูงเท่าไร คุณก็ยิ่งมีศักยภาพในการขายมากเท่านั้น
วิธีเพิ่มเติมในการเพิ่มอันดับ ได้แก่

* เพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้า เช่น ชื่อ คำอธิบายสินค้า คุณสมบัติหลัก รูปภาพ และราคา
* รีวิวในเชิงบวกจะช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของคุณ ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำให้ได้รับความคิดเห็นและคะแนนในเชิงบวก
* เสนอการจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
* ใช้ A+ Content โดยการลงทะเบียนใน Brand Registry
* ร่วมเป็นผู้ขาย Amazon Prime เมื่อคุณลงทะเบียนใน FBA ลูกค้า Amazon หลายคนมองหาสินค้าที่มีป้าย Prime เนื่องจากป้ายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการจัดส่งฟรีที่รวดเร็ว
* ติดตามอันดับสินค้าของคุณบนแดชบอร์ดแบรนด์และจัดการรีวิวสินค้า
* ใช้ Amazon Selling Coach เพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จในการขายของคุณ

สำรวจส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่อดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงอันดับของคุณใน Amazon
Amazon SERP คืออะไร?
SERP ย่อมาจาก “หน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา” Amazon SERP แสดงผลการค้นหาให้กับผู้ซื้อหลังจากพวกเขาค้นหาสินค้าบน Amazon.com ในการเพิ่มอันดับสินค้าใน SERP ให้เพิ่มประสิทธิภาพรายการสินค้า Amazon ของคุณ ดูส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่ออ่านวิธีการปรับปรุงอันดับสินค้าด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO)
เครื่องมือ Amazon SEO มีอะไรบ้าง?
Amazon มีเครื่องมือมากมายไว้ช่วยให้ผู้ขายสร้างและต่อยอดธุรกิจใน Amazon.com รายการเครื่องมือที่จะช่วยด้าน SEO มีดังนี้

* A+ Content (ก่อนหน้านี้เรียกว่าเนื้อหาแบรนด์ที่ได้รับการปรับปรุง) เป็นกลยุทธ์การตลาดช่วยให้คุณสามารถอธิบายคุณสมบัติของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยการรวมเรื่องราวของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ รูปภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการวางข้อความซึ่งอาจส่งผลให้อัตราคอนเวอร์ชันสูงขึ้น ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มยอดขายเมื่อใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
* แดชบอร์ดคุณภาพรายการสินค้าเป็นเครื่องมือในศูนย์ผู้ขายที่เน้นข้อมูลสินค้าที่สำคัญสำหรับลูกค้า แสดงรายการสินค้าที่ต้องปรับปรุง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระบุเป็นคุณสมบัติของสินค้า
* เครื่องมือจัดการการทดลองของคุณช่วยให้สามารถทดลองกับรูปภาพสินค้า ชื่อ และ A+ Content เพื่อพิจารณาว่าเนื้อหาแบบใดมีประสิทธิภาพดีกว่า ดำเนินการทดลองเช่น การทดสอบ A/B เพื่อดูว่าเนื้อหาใดผลักดันยอดขายมากกว่า
* เครื่องมือในการเพิ่มรูปภาพคุณภาพสูงลงในรายการสินค้า รับชม: วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพด้วยแอป Amazon Seller
* แอปและบริการภายนอกที่ผ่านการรับรองจาก Amazon ผ่านเครือข่ายพาร์ทเนอร์ศูนย์ผู้ขายเพื่อช่วยในการติดตามประสิทธิภาพ เครื่องมือการรายงาน ตัวชี้วัดลูกค้า และอื่นๆ
* Seller University มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือทางการศึกษาเพื่อเรียนรู้และเติบโตในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ขายของ Amazon
* ติดต่อ Amazon Selling Coach เพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จในการขายของคุณ

สำรวจส่วนที่เหลือของบทความนี้เพื่อดูเคล็ดลับการขายออนไลน์เพิ่มเติมและเครื่องมือในการปรับปรุงรายการสินค้า Amazon ของคุณด้วย SEO
ข้อเสนอพิเศษของ Amazon คืออะไร โปรแกรมนี้ทำงานอย่างไร?
ข้อเสนอพิเศษของ Amazon (ก่อนหน้านี้เรียกว่า Buy Box) เป็นข้อเสนอสำหรับสินค้าใหม่ที่แสดงบนหน้ารายละเอียดสินค้าที่มีปุ่มเพิ่มไปยังรถเข็น
ข้อเสนอของคุณมีสิทธิ์ได้รับข้อเสนอเด่น หากคุณมีบัญชีผู้ขายแผนการขายแบบมืออาชีพ ตรวจสอบประเภทบัญชีปัจจุบันและอัปเกรดเป็นแผนการขายแบบมืออาชีพได้หากยังไม่มีแผนดังกล่าว ดูเพิ่มเติมได้ที่การได้รับสิทธิ์เป็นข้อเสนอพิเศษ
หากผู้ขายหลายรายนำเสนอสินค้าเดียวกันในสภาพใหม่ ผู้ขายอาจมีคุณสมบัติในการแข่งขันสำหรับข้อเสนอพิเศษและช่องผู้ขายรายอื่นๆ บน Amazon สำหรับสินค้าดังกล่าว
Note: The information contained in this article does not constitute legal, financial or other professional advice. If you are in doubt as to the action you should take, please consult your legal, financial or other professional adviser. In addition, the content in this article is for information only and must not be construed as a guarantee of future results. Many factors influence the demand for a seller’s products, including price fluctuations, consumer demand shifts, and sellers remain responsible for determining the products they sell and their prices.

เริ่มต้นขายออนไลน์บน Amazon วันนี้

US$ 39.99 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน + ค่าธรรมเนียมการขาย
© 2021, Amazon.com Services LLC.