ในบางกรณี โมเดลธุรกิจ Dropshipping สามารถให้ลูกค้าสั่งซื้อจริง ๆ ก่อนแล้วค่อยผลิตสินค้าทีหลังได้ ทำให้ Dropshipping กลายเป็นธุรกิจที่เนื้อหอมในหมู่ผู้ประกอบการที่มีพื้นที่คลังสินค้าจำกัด การจ้างคนนอกทำ Fulfillment ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ให้คุณสามารถเปิดตัวธุรกิจและดำเนินการได้โดยที่ใช้เงินทุนไม่มาก เมื่อเทียบกับการจัดซื้อ จัดเก็บ และส่งออกสินค้าด้วยตัวคุณเอง

เมื่อเทียบกับโมเดลอื่น ๆ อาทิ ร้านค้าปลีก หรือทำศูนย์ Fulfillment เป็นของตัวเอง Dropshipping เป็นธุรกิจที่เข้าไปเริ่มต้นง่ายกว่า แต่ก็แปลว่ามีการแข่งขันเยอะกว่าเช่นกัน

Dropshipping ถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง โดยทั่วไปแล้ว ผู้ขายสามารถนำเสนอสินค้าในราคาถูกเพราะพวกเขาใช้เงินลงทุนน้อย หากธุรกิจของคุณมีการทำ Dropshipping คุณก็อาจจะได้กำไรต่ำ

ทั้งนี้ คุณอาจก้าวข้ามปัญหาที่กล่าวมาได้ ถ้าคุณวางตัวธุรกิจออนไลน์ของคุณให้อยู่นอกวงการแข่งขันที่ดุเดือด ลองค้นหาลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีการแข่งขันน้อยกว่าผ่านงานวิจัยทางตลาด เครือข่ายรอบตัวและการขายต่าง ๆ หรือลงทุนเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณ

การเลือกทำ Dropshipping อาจทำให้คุณควบคุม Supply Chain ได้น้อยนิดถึงขั้นคุมไม่ได้เลย ความล่าช้าในการผลิตสินค้าอาจบ่งชี้ได้เลยว่าคนทำ Dropshipping ต้องบริหารจัดการสินค้าอีกเป็นจำนวนเท่าไหร่ การทำให้ลูกค้าผิดหวังโดยแจ้งพวกเขาว่าสินค้าหมดคือสิ่งที่เราหวังว่าจะเป็นข้อยกเว้นและไม่ใช่กฎเกณฑ์ การจัดการสินค้าผ่านบริการ Dropshipping หลาย ๆ เจ้าคือหนึ่งในวิธีที่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะสินค้าหมดได้ เมื่อสินค้าหมดจากซัพพลายเออร์เจ้าหนึ่ง คุณก็สามารถใช้อีกเจ้าได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานกับหลาย ๆ ซัพพลายเออร์จะเพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบโลจิสติกส์และ Fulfillment ซึ่งอาจขัดกับจุดประสงค์ของกลยุทธ์การทำ Dropshipping

การคืนสินค้าคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ Ecommerce ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ บางครั้งขั้นตอนการคืนสินค้านั้นง่ายพอ ๆ กับการที่ลูกค้าติดต่อคุณมา ลูกค้าส่งสินค้ากลับมาให้คุณ จากนั้นคุณก็คืนเงินลูกค้าและติดต่อซัพพลายเออร์ Dropshipping เพื่อขอเครดิตหรือเงินคืน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้เสมอไป

กระบวนการคืนสินค้าและชดเชยสินค้าที่ซับซ้อนเป็นสิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะสร้างนโยบายการคืนเงินและคืนสินค้า ควรใช้เวลาทำความเข้าใจว่าบริการ Dropshipping มีวิธีการคืนสินค้าอย่างไร

ขั้นตอนการทำธุรกรรมของ Ecommerce คือสิ่งที่ควรพิจารณาด้วย มาดูตัวอย่างกันว่ามีอะไรที่ควรถามบ้าง ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์ Dropshipping

● ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบสินค้ามีตำหนิ
● ใครจะจ่ายค่าขนส่งสำหรับสินค้ามีตำหนิ
● ค่ารีสต็อกสินค้าของซัพพลายเออร์อยู่ที่เท่าไหร่
● ลูกค้ามีระยะเวลาในการคืนสินค้านานแค่ไหน

คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อตกลงในการทำ Dropshipping และยังทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนของค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจได้ด้วย

แม้ว่าคุณอาจไม่ต้องรับผิดชอบการจัดการสินค้า แต่คุณอาจยังต้องคอยตอบคำถามและสิ่งที่ลูกค้ากังวลใจเกี่ยวกับการส่งออกสินค้า การจัดส่ง หรือคุณภาพสินค้า

การสื่อสารที่คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยกับซัพพลายเออร์ Dropshipping อาจทำให้เกิดรีวิวแง่ลบจากลูกค้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ควรนึกถึงขั้นตอนการช้อปปิ้งโดยอิงจากมุมมองลูกค้า ต่อไปนี้คือแง่มุมประสบการณ์ของลูกค้าที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ

● หลังจากสั่งซื้อแล้ว ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนไหมว่าสินค้าจะจัดส่งเมื่อไหร่ และลูกค้าจะได้รับประมาณเมื่อไหร่
● สินค้าจะมาถึงภายในช่วงเวลาที่แจ้งไว้หรือไม่
● สินค้าถูกจัดส่งมาในสภาพที่เหมาะสมไหม
● แพ็กเกจสินค้าสะท้อนตัวตนของแบรนด์คุณได้ดีไหม

เหล่านี้เป็นจุดที่ต้องคอยปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านบวกให้กับลูกค้า นำมาซึ่งรีวิวที่ดีและทำให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์

หาก Dropshipping ไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ Ecommerce ของคุณ ก็ยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกมากมาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง หากเป้าหมายของคุณคือการหาตัวช่วยในการทำ Fulfillment

เพื่อเป็นตัวเลือกนอกเหนือจากการทำ Dropshipping ผู้ขายบางคนกว้านซื้อสินค้าจำนวนมาก และจากนั้นก็ใช้บริการ Fulfillment จากข้างนอกในการจัดเก็บ แพ็ก และส่งออกสินค้าให้กับลูกค้าแทน

วิธีนี้ทำให้คุณสามารถจัดซื้อสินค้าล่วงหน้าได้โดยอาจใช้ต้นทุนที่ต่ำลง และยังสามารถทำสิ่งเหล่านี้ต่อไปได้

● ประเมินคุณภาพสินค้าก่อนจะส่งไปที่ศูนย์ Fulfillment
● ทำโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสำหรับสินค้านั้น ๆ
● นำเสนอการขายสินค้าเป็นชุดหรือบริการสมาชิกผ่านผู้ให้บริการบางเจ้า

หากคุณอยากใช้บริการ Fulfillment จากข้างนอกไปด้วย และอยากควบคุมคุณภาพสินค้าไปด้วย สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ FBA ได้ที่นี่

เมื่อถึงจุดหนึ่งของธุรกิจ คุณอาจจำเป็นต้องมีสินค้าพิเศษที่เป็นแบรนด์ของคุณเอง การขายสินค้าแบรนด์ตัวเองจะช่วยให้ธุรกิจของคุณโตขึ้นพร้อมข้อดีต่อไปนี้

● สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณเมื่อเทียบกับแบรนด์ Ecommerce อื่น
● ทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ด้วยการสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ไม่เหมือนใคร
● สร้างตัวตนแบรนด์ Ecommerce ที่น่าจดจำ
● สร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าจดจำเพื่อช่วยให้คุณเปิดตัวสินค้าในอนาคตได้
● สร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้

ผู้ขายบางคนก็ให้ซัพพลายเออร์ Dropshipping เพิ่มจุดขายให้สินค้า เช่น การทำแพ็กเกจพิเศษและทำแบรนด์ หรือสร้างแบรนด์ให้กับสินค้า หรือนำสินค้าที่ผลิตเสร็จมาแปะป้ายแบรนด์ให้

อีกทางเลือกหนึ่งคือการให้ผู้ผลิตทำสินค้าแบรนด์ออกมาจำนวนมาก จากนั้นใช้บริการ FBA เพื่อจัดจำหน่าย วิธีนี้ทำให้คุณได้ใช้ประโยชน์จากการขนส่งที่รวดเร็วของ Amazon Prime ช่วยให้คุณโดดเด่นในตลาด Ecommerce

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะตัดสินใจได้ว่า Dropshipping เหมาะกับธุรกิจคุณหรือไม่ก็คือตัวคุณเอง

แม้มันอาจะฟังดูดีที่ไม่ต้องจัดการสินค้าเอง ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่เก็บสินค้าและค่าส่ง หรือไม่ต้องมาจัดการสต็อกเองก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย ลองชั่งน้ำหนักระหว่างตัวเลือกต่าง ๆ และเป้าหมายของคุณให้ชัวร์ แล้วคุณจะพบช่องทางการขายออนไลน์และกลยุทธ์ Fulfillment ที่ตอบโจทย์และพาธุรกิจ Ecommerce ของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน