พอได้กลุ่มเป้าหมาย สินค้า และโมเดลธุรกิจ ต่อไปก็ร่างแผนธุรกิจได้เลย ซึ่งควรครอบคลุมหัวข้อเหล่านี้

1. ตลาด (เจาะลึกกลุ่มเป้าหมายลงไปเป็นตลาดหรือกลุ่มลูกค้าย่อย)
2. สินค้า (ระบุจุดขายของสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์)
3. คู่แข่งที่ใหญ่ที่สุด (ไล่รายชื่อคู่แข่งตัวท็อปออกมา)
4. โมเดลธุรกิจ / กลยุทธ์คลังสินค้าและการจัดส่ง
5. ตัวตนของแบรนด์ / รายละเอียดบริษัทเสื้อผ้า (อยากให้ตลาดเป้าหมายมองแบรนด์ของคุณอย่างไร)

เมื่อต้องทำกลยุทธ์ Ecommerce ควรมั่นใจว่าคุณสามารถตอบคำถามหลาย ๆ อย่างได้ เช่น Traffic (กลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อ) จะมาจากไหน และอะไรที่จะทำให้สินค้าของคุณดึงดูดกลุ่มคนเหล่านั้น

สิ่งสำคัญนอกจากนี้ คือ ส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจคุณควรครอบคลุมเรื่องราคา โดยตั้งงบประมาณสินค้าต่อชิ้นไปกับค่าใช้จ่ายด้านไลน์เสื้อผ้าที่ต้องพิจารณา ดังนี้

● ค่าอุปกรณ์ ค่าโฮสติ้ง ฯลฯ
● ค่าดีไซน์และการพัฒนาหน้าร้านออนไลน์
● ค่าผลิตต่อหนึ่งสินค้า รวมถึงการขึ้นตัวอย่างต่าง ๆ
● ค่าแรงงานและการขนส่ง
● ค่าวัสดุ

พอรู้ค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะสามารถคิดเรื่องกำไรต่อได้ เช่น อยากได้กำไรประมาณ 30% - 50% ในกรณีที่ใช้โมเดลธุรกิจสั่งตัดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ก็ควรคำนึงถึงราคาของคู่แข่งรายใหญ่ด้วยเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตั้งราคาจนหลุดตลาด

และนี่ก็คือวิธีการเริ่มขายเสื้อผ้าออนไลน์ให้ปังภายใน 4 ขั้น หัวใจหลักของธุรกิจ Ecommerce ที่ประสบความสำเร็จคือการที่สามารถเข้าถึงความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าของลูกค้าให้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่รู้ว่ากลุ่มลูกค้าคือใคร เขาอยากได้อะไรและอยากซื้อที่เท่าไหร่ คุณต้องเจาะเข้าไปในตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีทั้งสินค้าและผู้ขายอยู่เต็มไปหมด (สร้างการสื่อสารและเจาะกลุ่มเป้าหมาย) และแยกตัวเองออกจากคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด (สร้างตัวตนของแบรนด์) จากนั้นก็ตามด้วยคุณภาพสินค้าที่ยอดเยี่ยม ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และบริการที่ดี

พร้อมที่จะบุกตลาดแฟชั่น Ecommerce แล้วใช่ไหม? ลงทะเบียนเป็นผู้ขายกับ Amazon เลย และมาดูกันว่า Amazon Global Selling จะมีข้อเสนอที่ช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้อย่างไรบ้าง