Blog : [Ecommerce Guide]

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้การขายของออนไลน์ไม่ปังสักที

สิ่งสำคัญในการเริ่มทำธุรกิจคือการมีข้อมูลครบถ้วน แต่คำแนะนำต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ก็มีมากมาย ชวนให้สับสนได้ง่าย ๆ และหลายครั้งก็ก่อให้เกิดความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ ซึ่งทำให้นักขายมือใหม่หลายคนต้องปวดหัว

เพื่อไม่ให้จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจต้องสะดุด วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ และแนะนำวิธีการทำธุรกิจ Ecommerce ให้ปัง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

ความเชื่อผิด ๆ ข้อ 1:
ขั้นตอนการขายของออนไลน์นั้นยุ่งยากและซับซ้อน

ที่ว่ายากนั้นหมายความว่าอะไร? ก็หมายความว่าคนมักเชื่อกันว่าการทำธุรกิจออนไลน์นั้นมีกระบวนการและขั้นตอนที่วุ่นวาย นอกจากนี้ยังถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน จนทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคยและไม่กล้าลงทุน

เหตุผลต่อมาที่คนคิดว่ายาก คือความคิดที่ว่าการทำธุรกิจออนไลน์นั้นแพง และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำธุรกิจออฟไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์!

ที่บอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิดนั้น เพราะขั้นตอนการขายของออนไลน์ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจ แถมอาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเปิดหน้าร้านถึง 5-15 เท่าเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจแต่ละแบบ

นอกจากนี้การทำธุรกิจออนไลน์ก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะการวางขายใน online marketplace หรือเว็บขายของออนไลน์แบบ Amazon เพราะสิ่งที่คุณต้องทำ ก็แค่สมัครบัญชีผู้ขาย และเริ่มขายได้เลยในทันที แถมมีฐานลูกค้าจากทั่วโลกที่ใช้งานอยู่ก่อนหน้าแล้วรองรับพร้อมกระบวนการช้อปแสนง่าย และเครื่องมือบริการครบครัน

สรุปแล้วธุรกิจขายสินค้าออนไลน์นั้นชวนปวดหัวน้อยกว่า แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เพราะคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปิดหน้าร้าน จ้างพนักงานประจำร้าน สร้างและจัดการคลังด้วยตัวเอง เพียงคุณเริ่มขายสินค้ากับ Amazon ขั้นตอนชวนปวดหัวที่ว่ามาก็จะหมดไป อีกทั้งยังประหยัดเงินไปได้ส่วนหนึ่งเลยด้วย

ความเชื่อผิด ๆ ข้อ 2: ยิ่งมีส่วนลดคนยิ่งซื้อ

ข้อนี้หมายความว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลาย ๆ คน เชื่อว่ายิ่งทำโปรโมชันลดราคาเยอะ คนซื้อก็จะเยอะ และจะเป็นการเพิ่มยอดขายมากขึ้น หรืออาจจะคิดไปว่าการตั้งราคาสินค้าในราคาถูก จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการขาย

ความเชื่อนี้ผิดอย่างไร? ส่วนลดและการตั้งราคาสินค้าให้ต่ำนั้น เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ควรใช้ในโอกาสต่าง ๆ เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด ไม่อย่างนั้นแล้วการลดราคาบ่อย ๆ จะนำไปสู่สถานการณ์ 2 แบบนี้:

1. ลูกค้าอาจคิดว่าคุณภาพของสินค้าไม่ดี เพราะราคาถูกกว่าเจ้าอื่น ทำให้คนที่เห็นอาจเบนความสนใจไปที่ผู้ขายคนอื่น ๆ แทน เพื่อคุณภาพของสินค้าที่ดีกว่า
2. ลูกค้าอาจคิดว่าผู้ขายตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริงไว้ก่อน จึงลดราคาได้บ่อย ๆ ซึ่งนั่นจะลดความเชื่อใจของลูกค้าต่อสินค้าของคุณเป็นอย่างมาก และจะทำให้ยอดขายตกลง

ทั้ง 2 สถานการณ์ล้วนไม่ใช่เรื่องที่ดีกับธุรกิจของคุณ นักธุรกิจกว่า 90% เชื่อว่าการวางแผนส่วนลดเป็นกลยุทธ์การตั้งราคาขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นคุณควรวางแผนการตั้งราคา การลดราคา และโปรโมชันในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ให้ดี เพื่อรักษากลุ่มลูกค้า คุณค่าของแบรนด์ และกำไรเอาไว้

ความเชื่อผิด ๆ ข้อ 3: มือใหม่หมดโอกาสปังทันทีที่เริ่มขาย

โลกของการทำธุรกิจออนไลน์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาจจะจริงที่ว่าคนจะสนใจหันหาแบรนด์เก่า ๆ มากกว่าเพราะความน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามือใหม่จะขายไม่ได้เลย สิ่งสำคัญคือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อ เมื่อคุณทำให้ลูกค้าไว้ใจได้ พวกเขาก็จะกลับมาอีก และแบรนด์ของคุณเองก็จะสามารถขยายตัวได้จากคำบอกเล่าของลูกค้ากลุ่มนี้

ตัวอย่างที่ดีคือ Amazon นั่นเอง สิ่งที่ Amazon ทำสำเร็จจนกลายเป็นแบรนด์ใหญ่ได้ คือการรวบรวมการช้อปสินค้าทุกอย่าง ทุกประเภท มาอยู่ที่เดียวกันให้เลือกช้อปได้ผ่านปลายนิ้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การสำรวจช่องว่างในตลาด เช่น การสำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และยังไม่มีในตลาดเป็นสิ่งสำคัญมาก มันอาจจะเป็นอะไรง่าย ๆ อย่างเช่น การตั้งร้านขายศิลปะท้องถิ่นสวย ๆ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน

การรู้จักสังเกตตลาดจะช่วยสร้างแบรนด์ของคุณให้โตขึ้นและขายดีได้อย่างแน่นอน

ความเชื่อผิด ๆ ข้อ 4:
หากไม่รู้ข้อมูลเชิงเทคนิค อย่าหวังว่ายอดขายจะรุ่ง

หลายคนคิดว่าการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์นั้นยาก เพราะต้องมีความรู้ด้าน IT เข้าใจข้อมูลเชิงเทคนิค รู้วิธีการใช้งานอันซับซ้อนของคอมพิวเตอร์ และหากไม่มีทักษะด้านนี้ คงจะขายของออนไลน์ไม่ได้แน่ ๆ

ที่ว่ามานั้นเป็นความเชื่อที่ผิดโดยสิ้นเชิง เพราะโลกในวันที่การค้าออนไลน์เป็นพื้นที่แสนซับซ้อน มีแต่ข้อมูลเชิงเทคนิคชวนปวดหัวได้หมดไปแล้ว ปัจจุบันการทำธุรกิจนั้นง่ายเพียงปลายนิ้วกด โดยเฉพาะการขายของบน Amazon ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคใด ๆ เลย แค่คุณสมัครบัญชีผู้ขาย จากนั้นก็ลงรายการสินค้า และเริ่มขายได้ทันที ที่เหลือ Amazon จะจัดการให้เอง!

ความเชื่อผิด ๆ ข้อที่ 5:
การช้อปออนไลน์เป็นเรื่องของวัยรุ่นเท่านั้น

คนเชื่อกันว่าคนรุ่นใหม่นิยมช้อปออนไลน์มากกว่า ในขณะที่คนมีอายุนิยมไปร้านค้าที่เคยไปประจำเท่านั้น ดังนั้นผู้ขายหลายคนเลยวางแผนการตลาดไปที่กลุ่มคนอายุน้อยเป็นส่วนใหญ่

แน่นอนว่าเป็นความคิดที่ผิด ปัจจุบันมีคนทุกรุ่นในโลกออนไลน์ เพราะอินเตอร์เน็ตได้เชื่อมคนทุกกลุ่มเอาไว้ กลุ่มเป้าหมายของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนอายุน้อยเสมอไป ซึ่งอันที่จริงมีการศึกษาระบุว่าคนทุกกลุ่มอายุมีพฤติกรรมการช้อปออนไลน์เกือบเท่ากัน ดังนั้น คุณจะขายสินค้าให้คนกลุ่มใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับสินค้าของคุณเป็นหลัก

ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มผู้หญิงเด็กและวัยรุ่น อาจจะชื่นชอบรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่สวย ในขณะที่กลุ่มผู้หญิงมีอายุ อาจจะอยากได้รองเท้าแตะพื้นแบนที่สวมใส่สบาย รู้แบบนี้แล้วก็วางใจได้เลย ว่าการช้อปออนไลน์ไม่ใช่พื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่เพียงกลุ่มเดียวแน่นอน

ดังนั้นอย่าลืมวางแผนกลยุทธ์การตลาดของคุณให้ดี เพื่อดูว่ากลุ่มเป้าหมายในการขายของออนไลน์จริง ๆ ของคุณเป็นคนกลุ่มไหนกันแน่

และนี่คือ 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้ จะเห็นว่าการขายสินค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ยากจนเกินความสามารถ เริ่มได้ที่ความเข้าใจที่ถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำ และลงมือขายบน online marketplace ที่เชื่อถือได้!
© 2021, Amazon.com Services LLC.