สมัครบัญชีขายบน Amazon แล้วหรือยัง ?

ค่าธรรมเนียมการขาย USD$1 ดอลล่าสหรัฐในช่วง 6 เดือนแรก
สำหรับการลงทะเบียน Professional Selling Plan เท่านั้น และต้องลงทะเบียนเสร็จสิ้นภายใน 30 กันยายน 2024
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ข้อมูลและเอกสารจำเป็นสำหรับการสมัครบัญชีผู้ขาย

1. อีเมล (Email Address)
ผู้ขายจะต้องเตรียมอีเมลที่เอาไว้ใช้สมัครบัญชีผู้ขาย เนื่องจากอีเมลเป็นข้อมูลที่ผู้ขายจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง ผู้ขายจึงควรใช้อีเมลที่ใช้ติดต่อได้
ผู้ขายจะต้องกรอกข้อมูลรูปแบบธุรกิจที่ผู้ขายวางแผนที่จะขายใน Amazon ไม่ว่าผู้ขายจะใช้แผนการขายแบบไหน ทั้งแผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling) หรือแผนการขายแบบบุคคลทั่วไป (Individual Selling) ก็สามารถเลือกที่จะเปิดบัญชีในรูปแบบธุรกิจทั้ง 2 แบบ:

การเปิดบัญชีในนามบุคคล (Individual Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อและนามสกุลเป็น ภาษาอังกฤษ
การเปิดบัญชีในนามบริษัท (Company Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อบริษัทตามด้วยขีดกลาง (-) ตามด้วยชื่อ นามสกุลของผู้ที่จะเป็นเจ้าของบัญชีผู้ขาย
3. ที่อยู่ (Address)
ผู้ขายจะต้องกรอกที่อยู่ของคุณเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากทาง Amazon นั้นเคร่งครัดกับการตรวจสอบตัวตนในการสร้างบัญชีขายของผู้ขายมาก ที่อยู่ภาษาอังกฤษของคุณจะต้องตรงกับ Bank Statement ที่ยื่นให้กับ Amazon เพื่อให้ขั้นตอนการยื่นเอกสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น หากผู้ขายกรอกที่อยู่ที่ไม่ตรงกับ Bank Statement อาจส่งผลให้เอกสารของคุณไม่ผ่านการพิจารณาได้
4. บัตรเครดิตหรือเดบิต (Charge Method)
ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตมีไว้สำหรับตัดค่าธรรมเนียมแผนการขายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บน Amazon ผู้ขายสามารถใช้บัตรเครดิตอะไรก็ได้ไม่เจาะจงว่าจะเป็นในนามของใคร ผู้ขายกรุณาเตรียมข้อมูลในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตต่อไปนี้:

• หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
• วันที่หมดอายุของบัตร
• ชื่อและนามสกุลที่อยู่บนที่อยู่หน้าบัตรเป็นภาษาอังกฤษ
5. บัญชีรับเงิน (Deposit Method)
เนื่องจาก Amazon สามารถโอนเงินให้ธนาคารที่อยู่ใน สหรัฐอเมริกา (US) เท่านั้น หากผู้ขายไม่มีบัญชีของประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจำเป็นต้องใช้บัญชีเสมือน (Virtual Account) ซึ่งเปรียบได้กับกระเป๋ารับเงินส่วนกลาง เพื่อใช้รับเงินจากยอดขายของท่านก่อนเปิดบัญชีผู้ขายของ Amazon ขณะนี้ โดยที่ผู้ขายมักจะใช้บริการบัญชีเสมือนเจ้าหลัก ๆ เช่น Payoneer:
6. ชื่อร้าน (Display Name)
ชื่อร้านค้าที่จะปรากฏบนหน้าเว็บ Amazon ต่อหน้าลูกค้า ผู้ขายสามารถตั้งชื่อร้านค้าของตนเองยังไงก็ได้ โดยไม่ต้องจดลิขสิทธิ์หรือยืนยันตัวตนของชื่อร้าน
7. เอกสารยืนยันตัวตน (Seller Identity Verification - SIV)
เนื่องจาก Amazon ต้องการตรวจสอบตัวตนบัญชีขายของผู้ขาย ดังนั้นผู้ขายจะต้องเตรียมเอกสารที่มืชื่อและที่อยู่ที่มีข้อมูลตรงกับรายละเอียดที่ผู้ขายได้กรอกไว้ตอนทำการเปิดบัญชีตามเอกสารด้านล่างนี้:

บัตรประชาชน (National ID Card): ชื่อบนบัตรประชาชนจะต้องตรงกับชื่อที่ใช้สมัครบัญชี (Legal Name) ผู้ขายจะต้องแสกนสำเนาบัตรประชาชนแบบเป็นสีทั้งหน้าและหลัง ให้อยู่ในคุณภาพที่ชัดเจนที่สุด ผู้ขายสามารถที่จะใช้สำเนาหนังสือเดินทางยืนยันตัวตนได้เช่นกัน หากผู้ขายเลือกที่จะส่งสำเนาหนังสือเดินทางในการยืนยันตัวตน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจในหนังสือเดินทางมีลายเซ็นต์ของเจ้าของหนังสือเดินทาง

Bank Statement หรือ Credit Card Statement: ชื่อเจ้าของ Bank Statement หรือ Credit/Debit Card Statement จะต้องตรงกับ Legal Name และที่อยู่ในเอกสารจะต้องตรงกับ Business Address ใน Seller Central ที่ผู้ขายต้องการรายละเอียดของเอกสารที่มีเงื่อนไขดังนี้

1. ชื่อ นามสกุล และที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ
2. เอกสารจะต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน
3. มีลายเซ็นต์ของเจ้าพนักงานธนาคาร
4. มีตราประทับของธนาคาร

กรณีขอเอกสารเพิ่มเติม (BAP)

Amazon อาจจะขอเอกสารยืนยันตัวตนเพิ่มเติม ทางทีมงานขอแนะนำให้ผู้ขายใช้เอกสารที่สามารถเปลี่ยนชื่อและที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษได้ เช่น ค่าบิลอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ ในการยืนยันตัวตนให้เป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการได้ หรือ บิลค่าน้ำค่าไฟที่ถูกแปลและรับรองโดยทนายความ (Notarial Services) ข้อมูลในเอกสารนี้จะต้องมีชื่อและที่อยู่ที่ตรงกับข้อมูลที่ได้ทำการกรอกรายละเอียดในระหว่างการเปิดบัญชีผู้ขาย
เริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์
ใน Amazon วันนี้!
นำเสนอสินค้าของคุณให้กับลูกค้านับล้านที่ค้นหา Amazon.com ในทุก ๆ วัน
ค่าธรรมเนียมการขาย USD$1 ดอลล่าสหรัฐในช่วง 6 เดือนแรก
สำหรับการลงทะเบียน Professional Selling Plan เท่านั้น และต้องลงทะเบียนเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด คือ ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 เมษายน 2024
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
© 2021, Amazon.com Services LLC.