Blog : [Tips of selling on Amazon]

วิธีการลงทะเบียนและขายของออนไลน์บน Amazon ยุโรป [ตอนที่ 2]

การขายของออนไลน์ในยุโรปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป บทความตอนที่ 2 ในซีรีส์ขายของออนไลน์บน Amazon ยุโรปนี้จะช่วยแนะแนวให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการลงทะเบียนเป็นผู้ขายในสโตร์ยุโรป ข้อมูลและเอกสารที่ต้องเตรียม รวมถึงเครื่องมือที่ควรรู้ เพื่อให้คุณเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและพร้อมประสบความสำเร็จ

4. ทำความเข้าใจการทำงานของบัญชีผู้ขาย Amazon ยุโรป และศึกษาข้อมูลที่จำเป็นในการลงทะเบียนผู้ขาย

คุณคือมือใหม่ขายของ Amazon รึเปล่า?

การขายของบน Amazon เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้คนนับล้านที่อาจกลายเป็นลูกค้าใหม่ของคุณ การเริ่มต้นขายสามารถแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1. ลงทะเบียนผู้ขาย
2. อัปโหลดรายการสินค้า
3. ลูกค้าเห็นและซื้อสินค้าของคุณ
4. ส่งออกสินค้าของคุณให้ลูกค้า
5. รับเงิน
คนพบปะสังสรรค์

แต่ถ้าคุณมีบัญชีผู้ขาย Amazon อยู่แล้ว ต้องเริ่มยังไง?

ขั้นตอนแรกของการขายในภูมิภาคอื่น คือ สร้างบัญชีผู้ขายภายในภูมิภาคนั้น ๆ ก่อน ถ้าคุณมีบัญชี Professional Seller ในภูมิภาคนึงแล้ว ก็สามารถขยายไปที่ยุโรปได้ผ่านบัญชีที่เชื่อมต่อกันบนหน้า Sell Globally บน Seller Central และจัดการธุรกิจออนไลน์ของคุณจากหน้านั้นได้เลย หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว บัญชีผู้ขายของคุณก็จะเชื่อมกับบัญชีผู้ขายใหม่ในอีกภูมิภาค

ระหว่างลงทะเบียน คุณจะถูกขอให้ระบุแหล่งมาร์เก็ตเพลส ซึ่งสามารถเป็นร้านใดก็ได้ใน 6 ร้านค้ายุโรป ด้วยบัญชี EU Unified Account คุณสามารถจัดการคลังสินค้าให้เป็นกลุ่มเดียวที่ขายของออนไลน์ได้หมดทุกร้านค้า และยังเลือกได้ว่าจะทำโปรโมชันกับสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษ ปกติแล้วค่า Default จะครอบคลุมร้านค้ายุโรปทั้งหกร้าน คำสั่งซื้อของคุณจะถูกจัดการในที่เดียว ดังนั้น การขายของ Amazon ในยุโรปจะรู้สึกเหมือนขายอยู่ในร้านที่คุณลงทะเบียนไว้อยู่แล้ว หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม ดูวิดิโอเกี่ยวกับเครื่องมือและบริการของ Amazon ที่จะช่วยคุณจัดการ ขายสินค้า และส่งออกสินค้าได้ทั่วโลกตัวนี้ได้เลย

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับลงทะเบียน

ข้อมูลต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องเตรียมเพื่อลงทะเบียนบัญชีผู้ขายในยุโรป

● บัตรเครดิต
● เบอร์โทรศัพท์ (เพื่อรับเลข PIN ยืนยัน)
● รายละเอียดการจดทะเบียนบริษัท อาทิ ชื่อบริษัท อีเมลบริษัท ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ข้อมูลผู้ติดต่อหลัก
● ข้อมูลเจ้าของผลประโยชน์
● ข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อรับยอดขาย (ปัจจุบัน Amazon รองรับบัญชีธนาคารในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับบัญชีธนาคารในกลุ่มประเทศยูโรโซนทั้งหมด)
● UPC/ EPN ของสินค้า
● หมายเลข VAT

การตั้งค่าบัญชี

คุณสามารถจัดการข้อมูลบัญชีใน Seller Central ได้ที่เมนูการตั้งค่าบัญชี โดยกด “ตั้งค่า” ที่มุมขวาสุดของ Seller Central จากนั้นกด “ข้อมูลบัญชี” เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลผู้ขายและธุรกิจ เพิ่มสถานะรายการสินค้า แก้ไขแผนการขาย แก้ไขสถานะรายการสินค้า และอื่น ๆ ภายหลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ก็ลองศึกษารายละเอียดโดยรวมของ Seller Central ดูได้ เพราะถือเป็นพอร์ทัลที่ให้คุณควบคุมบัญชีผู้ขาย Amazon ของคุณในทุกภูมิภาค

5. ยืนยันตัวตนบัญชีให้สำเร็จและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ

การยืนยันตัวตนผู้ขาย

หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนจะเริ่มขาย ทาง Amazon จะยืนยันตัวตนของคุณด้วยกระบวนการ Seller Identity Verification (SIV) ผู้ขายต้องลงทะเบียน SIV ให้สำเร็จและยื่นเอกสารที่ยืนยันตัวตนของผู้ติดต่อหลัก (Primary Contact Person) บุคคลนี้จะเป็นผู้ที่เข้าถึงบัญชีการชำระเงิน Selling on Amazon ได้ สามารถยื่นข้อมูลลงทะเบียนในนามเจ้าของบัญชี (ผู้ขายที่ลงทะเบียน) และริเริ่มธุรกรรม เช่น การเบิกจ่ายและการคืนเงินได้ การกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้ติดต่อหลักจะถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าของบัญชีด้วย

เมื่อคุณผ่านกระบวนการ SIV และเริ่มขายของออนไลน์บน Amazon ยุโรปแล้ว ทาง Amazon ต้องทำตามกฎหมาย EU โดยยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลและธุรกิจเพิ่มเติมที่เรียกว่ากระบวนการ Payments Europe Verification คุณจะได้รับการแจ้งเมื่อต้องเข้าสู่กระบวนการนี้ โดยทั่วไปแล้ว เอกสารที่คุณจำเป็นต้องเตรียมไว้มักจะเป็นพาสปอร์ต หลักฐานแสดงที่อยู่ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และสเตทเมนต์จากธนาคาร

ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับพาร์ทเนอร์ผู้ขายในการลงทะเบียนขายบนร้านค้า Amazon ในยุโรป

● ผู้ติดต่อหลัก คือ บุคคลที่ดำเนินธุรกิจในแต่ละวันและสามารถเบิกจ่ายเงินจากบัญชี Seller Central ได้
● ข้อมูลเจ้าของผลประโยชน์ หากเจ้าของผลประโยชน์ที่มีความเป็นเจ้าของ 25% ขึ้นไป ต้องมีชื่ออยู่ในบัญชี Seller Central ในบางกรณีที่มีความเป็นเจ้าของ 20% ขึ้นไป ก็ต้องมีชื่ออยู่ในนั้นเช่นกัน
● ช่องใส่ชื่อและนามสกุล โปรดใส่ชื่อจริงและชื่อกลาง (ถ้ามี) ในช่องใส่ชื่อ และใส่นามสกุลในช่องนามสกุล ชื่อตามกฎหมายต้องถูกระบุให้ถูกต้องเหมือนกับที่ปรากฎในเอกสารระบุตัวตน

เอกสารทางธุรกิจที่จำเป็น

● รายละเอียดการจดทะเบียนธุรกิจ
● กฎเกณฑ์หรือข้อบังคับทางธุรกิจ
● ข้อตกลงในการดำเนินงานของบริษัท
● บิลค่าสาธารณูปโภคหรือสเตทเมนท์ธนาคารของธุรกิจ
● โปรดอ่านอีเมลแจ้งผลปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบคำแนะนำก่อนอัปโหลดเอกสารเพิ่มเติม
● ข้อสำคัญ: ทีม Seller Verification จะส่งอีเมลหาผู้ติดต่อหลัก กรณีที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติม ดังนั้นอย่าลืมใส่อีเมลของผู้ติดต่อหลักด้วย

6. ทำความเข้าใจ Listing Tools ที่มีในยุโรป และเรียนรู้วิธีการใช้ Build International Listings (BIL) จัดการรายการสินค้าบนมาร์เกตเพลส Amazon ยุโรป

Build International Listings

เมื่อคุณลงทะเบียนขายในร้านค้าใด ๆ ก็ตามบน Amazon ยุโรป บัญชีของคุณจะถูกเปิดให้สามารถขายบนร้านค้าทั้งหกแห่งในยุโรปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ คุณต้องแค่สร้างรายการสินค้าสำหรับร้านค้าต้นทางของคุณ ซึ่ง Build International Listings เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเชื่อมต่อรายการสินค้าที่คุณมีจากร้านค้าต้นทาง ช่วยประหยัดเวลาและทุ่นแรงไปได้

Build International Listings ทำงานภายใต้ภูมิภาคที่มีร้านค้าหลายแหล่ง อาทิ ยุโรปและอเมริกาเหนือ และภูมิภาคต่าง ๆ ที่คุณเชื่อมต่อกันผ่าน Linked Accounts หากคุณมีบัญชีผู้ขาย Amazon ที่ไม่ได้อยู่ในยุโรป ควรใช้ Build International Listings เพื่อเชื่อมต่อรายการสินค้าของคุณเข้ากับร้านค้าในยุโรป กดที่นี่เพื่อดูข้อมูลสำคัญของสินค้าที่สามารถเชื่อมกันได้

แบ่งลงรายการสินค้าทีละนิด หรือจะลงเป็น Bulk ไปเลย

คุณสามารถค่อย ๆ แบ่งลงขายสินค้าทีละนิดโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Add-a-Product หรือสามารถทำไฟล์คลังสินค้าแล้วลงแบบ Bulk (ลงเป็นไฟล์แบบกลุ่ม) ก็ได้ การมีเทมเพลตคลังสินค้าก็จะช่วยให้คุณเพิ่มหรือแก้ไขรายการสินค้าแบบ Bulk ได้เช่นกัน คุณสามารถสร้างเทมเพลตให้เหมาะกับเกณฑ์ที่คุณต้องการและระบุรายการสินค้าประเภทต่าง ๆ ในหลายกลุ่มโดยใช้แค่เทมเพลตเดียวก็ได้

วิธีการจัดการเรื่องภาษา

การจะขายของออนไลน์ในร้านค้า Amazon ยุโรปนั้น คุณควรแปลชื่อสินค้าของคุณให้เป็นภาษาของประเทศนั้น ๆ ด้วย ซึ่งจะมีสองทางเลือกในการแปล คือ ใช้ BIL หรือจ้างบริการแปลภาษาจากภายนอก

รูปภาพและรายละเอียดหน้าสินค้าต้องมีคุณภาพสูง

หน้ารายการสินค้าที่มีคุณภาพจะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหา ประเมิน และสั่งซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งควรเริ่มจากข้อมูลพื้นฐานอย่างรูปภาพ แบรนด์ดิ้ง และรายละเอียดสินค้า นอกจากนี้ ข้อมูลโดยละเอียด เช่น ขนาด หมายเลขชิ้นส่วนของผู้ผลิตและประเภทของวัสดุก็สามารถช่วยให้ลูกค้าค้นพบสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้น สำหรับวิธีการปรับปรุงคุณภาพในการวางขายสินค้าทีละขั้นตอน สามารถดูวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการวางขายสินค้าได้ที่นี่

อย่าลืมว่ารูปสินค้าที่คุณอัปโหลดจะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของลูกค้า คุณภาพของรูปจึงสำคัญ ควรเลือกรูปที่ชัดเจน เข้าใจง่าย มีข้อมูลครบ และนำเสนอได้น่าดึงดูด รูปหลักของสินค้าควรมีพื้นหลังสีขาว หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านการจัดทำรูปภาพสำหรับร้านค้าในยุโรป ก็สามารถติดต่อผู้ให้บริการจากข้างนอกได้เช่นกัน

เอาชนะ Featured Offer

Featured Offer คือกล่องที่อยู่ตรงคอลัมน์ทางขวาของหน้ารายละเอียดสินค้า ลูกค้าสามารถเริ่มต้นกระบวนการสั่งซื้อโดยเพิ่มสินค้าลงในรถเข็น ฟีเจอร์หลักของเว็บไซต์ Amazon คือ สินค้าเดียวกันสามารถถูกจำหน่ายโดยผู้ขายหลายคนได้ เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุด ผู้ขายควรปรับปรุงตัวเลขผลประกอบการเพื่อมีสิทธิเข้าไปแข่งชิงพื้นที่ Featured Offer ได้ เนื่องจากตัวเลขผลประกอบการนั้นมีความหลากหลายไปตามกลุ่มและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด มาดูกันว่า Featured Offer ของ Amazon ทำงานยังไง ช่วยเพิ่มยอดขายได้ยังไง และต้องทำอย่างไรถึงจะมีสิทธิชนะ Featured Offer ได้
© 2021, Amazon.com Services LLC.